ม้าน้ำตั้งชื่อตามหัวของมันที่เหมือนกับม้า ม้าน้ำเป็นสัตว์ทะเลที่มีเอกลักษณ์เด่นชัด ม้าน้ำพบได้ทั้งน่านน้ำเขตร้อนและเขตอบอุ่น ในเทพปกรนัมกรีกม้าน้ำเป็นพาหะของโพไซดอน ด้วยหน้าตาที่แปลกประหลาด นักวิทยาศาสตร์ในอดีตไม่สามารถจัดได้ว่าม้าน้ำเป็นสัตว์ประเภทได้ก่อนจะมีการศึกษาว่ามันคือปลาที่มีกระดูกแข็ง นี่คือเรื่องราวน่ารู้ของสัตว์ทะเลหน้าแปลกตัวนี้
1.ม้าน้ำ (hippocampus) เป็นจัดเป็นปลากระดูกแข็งที่อาศัยอยู่ในทะเลจำพวกหนึ่ง แต่มีรูปร่างลักษณะที่แตกต่างจากปลาชนิดอื่นๆ คือ มีกระดูกหรือก้างมาห่อหุ้มเป็นเกราะอยู่ภายนอกตัวแทนเกล็ด ในส่วนของหางนั้น แทนที่จะเป็นครีบสำหรับว่ายน้ำ มันกลับมีหางยาวเหมือนสัตว์กับเลื้อยคลาน ซึ่งมีไว้เพียงเพื่อเกี่ยวยึดตัวเองกับพืชน้ำหรือปะการังในน้ำ โดยปกติมันมักจะว่ายน้ำขึ้นและลงมากกว่าไปข้างหน้าหรือหลัง
2. ม้าน้ำเป็นสัตว์ที่มีขนาดตัวเฉลี่ยเพียง 15 เซนติเมตร แต่มันเป็นสัตว์ที่กินจุมาก มันสามารถกินอาหารได้ถึงวันละ 50 ครั้ง อาหารหลักของมันคือกุ้งฝอย กุ้งผี กุ้งก้ามแดง หรือแม้แต่ปลาหางนกยูง สาเหตุที่มันกินจุขนาดนี้เพราะมันไม่มีกระเพาะอาหารที่จะกักเก็บอาหารไว้ อาหารที่ม้าน้ำกินเข้าไปจะเคลื่อนที่ผ่านระบบย่อยอาหารอย่างรวดเร็วก่อนจะถูกขับถ่ายออกนอกร่างกาย นี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมม้าน้ำจึงต้องกินอาหารหลายครั้งต่อวัน
3. ม้าน้ำต่างจากสัตว์น้ำโดยทั่วไปเพราะมันไม่มีฟัน วิธีการกินอาหารของมันก็คือการดูดเข้าไปทั้งชิ้นหรือทั้งตัว นอกจากสัตว์น้ำตัวเล็กๆ ที่เป็นอาหารหลักแล้ว ม้าน้ำยังสามารถกินพืชอย่างหญ้าทะเล สาหร่าย ตะไคร่น้ำได้
4. ม้าน้ำท้องใหญ่ (big-belly seahorse) เป็นเป็นม้าน้ำสายพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มันเป็นสัตว์น้ำพื้นเมืองของนิวซีแลนด์และทางออสเตรเลียตอนใต้ ม้าน้ำท้องใหญ่เมื่อโตเต็มที่สามารถมีขนาดใหญ่กว่าม้าน้ำสายพันธุ์เล็กได้ถึง 10 เท่า และม้าน้ำสายพันธุ์ที่เล็กที่สุดคือ(Satomi’s pygmy seahorse) เมื่อโตเต็มที่มันมีขนาดเพียงครึ่งนิ้ว มันมีถิ่นอาศัยอยู่ที่แนวปะการังทางเหนือของเกาะบอร์เนียว ประเทศอินโดนีเซีย
5. ม้าน้ำตัวผู้นั้นจะมีถุงหน้าท้อง (Brood pouch) สำหรับเก็บไข่และฟักเป็นตัว โดยจะทำหน้าที่อุ้มท้องและคลอดลูกแทนตัวเมีย เมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์ม้าน้ำตัวผู้จะปรับเปลี่ยนสีของลำตัวเพื่อดึงดูดม้าน้ำตัวเมีย จากนั้นตัวผู้จะใช้หางโอบกอดตัวเมียพร้อมกับแอ่นท้องประกบกับท้องเข้าหากันและตัวเมียจะออกไข่ใส่ลงในถุงหน้าท้องของตัวผู้
6. ม้านั้น มีรูปร่างแตกต่างไปจากปลาชนิดอื่นๆ มาก ส่วนหัวลักษณะเหมือนม้าที่มีปากยาวยื่นออกไปเป็นท่อ ลำตัวปกคลุมด้วยเปลือกแข็งเป็นข้อๆ ขณะว่ายน้ำหรือเกาะกับที่จะตั้งลำตัวขึ้นและเอาส่วนท้องยื่นไปทางด้านหน้า ครีบหูบางใสอยู่ทางด้านหลังของแก้ม และมีครีบหลัง 1 อัน ครีบหางไม่มีแต่เปลี่ยนไปเป็นหาง ม้วนงอ สำหรับเกี่ยวจับวัตถุในน้ำหรือเกาะกันขณะผสมพันธุ์ ม้าน้ำยังสามารถปรับเปลี่ยนสีลำตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมต่างๆ ได้ด้วย เพื่ออำพรางตัว
นอกจากนั้นมันยังเปลี่ยนสีเพื่อสื่อสารและบอกความรู้สึกกับม้าน้ำตัวอื่นๆ ได้ โดยเฉพาะช่วงการผสมพันธุ์
7. ม้าน้ำตัวผู้มีลักษณะต่างจากตัวเมียคือมีถุงหน้าท้อง (Brood pouch) สำหรับเก็บไข่และฟักเป็นตัว และทำหน้าที่อุ้มท้องและคลอดลูกแทนตัวเมีย เมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์ม้าน้ำตัวผู้จะปรับเปลี่ยนสีของลำตัวเพื่อดึงดูดม้าน้ำตัวเมีย จากนั้นตัวผู้จะใช้หางโอบกอดตัวเมียพร้อมกับแอ่นท้องประกบกับท้องเข้าหากัน ตัวเมียจะออกไข่ใส่ลงในถุงหน้าท้องของตัวผู้ และม้าน้ำตัวผู้ก็จะปล่อยน้ำเชื้อเข้าผสมกับไข่และฟักเป็นตัวอ่อนภายในถุงหน้าท้อง
ใช้เวลาฟักเป็นตัวประมาณ 2 สัปดาห์ หรือ 1 เดือนแล้วแต่ชนิด โดยจำนวนไข่ในแต่ละครั้งจะมีประมาณ 100-200 ฟอง มากที่สุดคือ 1,500 ฟอง ตามแต่ละชนิด มีระยะการตั้งท้องในแต่ละครั้งเว้นห่าง 28-30 วัน แต่ม้าน้ำตัวผู้บางตัวเมื่อออกลูกในตอนเช้า พอถึงตอนค่ำก็สามารถอุ้มท้องใหม่ได้เลยทันที โดยม้าน้ำถือว่าเป็นปลาที่ออกลูกและแพร่ขยายพันธุ์ได้รวดเร็ว แต่จะมีเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นที่เจริญเติบโตจนกลายเป็นตัวเต็มวัยในเวลาต่อมา
8. ก่อนที่ม้าน้ำตัวผู้และตัวเมียจะผสมพันธุ์กัน มันจะใช้เวลาเกี้ยวพาราสีกันหลายวัน โดยจะมีถึง 4 ขั้นตอน ขั้นตอนแรกจะเกิดขึ้นในตอนเช้า ม้าน้ำคู่ที่สนใจกันจะเปล่งสีตัวเองให้สดและสว่างขึ้น ขั้นตอนที่สองม้าน้ำตัวเมียจะส่งสัญญาณด้วยการทำตัวให้เอียง ขั้นตอนที่สามม้าน้ำตัวผู้ก็จะทำตัวเอียงให้เหมือนกับตัวเมียเพื่อเป็นสัญญาณว่าพร้อมที่จะสืบพันธุ์แล้ว จากนั้นก็มาถึงขั้นตอนสุดท้ายที่ตัวเมียจะว่ายน้ำขึ้นลงและผสมพันธุ์กันกลางน้ำนั่นเอง และม้าน้ำเป็นสัตว์ที่มีคู่เพียงตัวเดียว ต่างจากสัตว์ทะเลโดยทั่วไป
9. ลูกม้าน้ำต้องเผชิญกับความโหดร้ายของธรรมชาติตั้งแต่ลืมตาดูโลก เพราะม้าน้ำตัวผู้จะกินลูกของมันเองที่คลอดออกมา จะมีลูกม้าน้ำจำนวนไม่มากที่มีชีวิตรอดจนได้เติบโตต่อไปในมหาสมุทร
10. ไม่ใช่ม้าน้ำทุกสายพันธุ์จะหากินในเวลากลางวัน เพราะม้าน้ำซาโตมิพิกมี ที่เป็นม้าน้ำที่มีขนาดเล็กที่สุดนั้นออกหากินในเวลากลางคืน มันจะนอนในเวลากลางวันแทน
11. ม้าน้ำเหมือนกับปลาทั่วไปที่มันไม่มีเปลือกตา ดังนั้นเวลาที่มันนอนหลับมันจะหลับไปทั้งๆ ที่ดวงตายังเปิดอยู่ มันมักจะเอาหางไปเกาะกับปะการังหรือพืชน้ำเพื่อพรางตัวและเป็นการยึดไม่ให้ตัวมันล่องลอยไปในน้ำขณะที่นอนหลับอยู่ และตาของมันยังเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระทำให้มันมองเห็นในน้ำได้ดีสามารถหลบหนีสัตว์นักล่าได้อย่างรวดเร็ว
12. ม้าน้ำนอกจากจะเลี้ยงไว้เพื่อความสวยงาม ยังสามารถรับประทานได้ และการแพทย์แผนจีนเชื่อว่าม้าน้ำสามารถรักษาภาวะการมีบุตรยาก หายใจไม่ออกและกระตุ้นคลอดได้