เนยถั่วลิสง หรือ Peanut Butter ทำมาจากถั่วลิสงที่นำไปบดและปั่นจนกลายเป็นเนื้อครีม ข้น เหนียว เป็นเมนูสุดโปรดของใครหลายๆคน สามารถรับประทานได้กับทั้งผลไม้ ทาขนมปัง หรือจะรับประทานเปล่าๆก็ยังได้ นอกจากความหอม มัน อร่อย เนยถั่วยังมอบประโยชน์มากมายให้แก่ร่างกาย แต่ทั้งนี้เนยถั่วมีแคลอรี่ที่สูงจึงควรจำกัดปริมาณในการบริโภคต่อวันไม่ควรเกิน 2 ช้อนโต๊ะด้วยกัน


“เนยถั่ว” (Peanut Butter) กระบวนการผลิตมาจากถั่วลิสงคั่วหรืออบ แล้วนำไปบดให้ละเอียด จนได้เป็นเนยถั่วเนื้อเนียน บางสูตรอาจผสมกับน้ำมัน เช่น น้ำมันถั่วลิสง น้ำมันพืช สารให้ความหวาน เช่น น้ำผึ้ง น้ำตาลทรายแดง และเกลือเล็กน้อย ซึ่งส่วนผสมในการทำเนยถั่วนั้นอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละสูตร



คุณค่าของ"เนยถั่ว" เนยถั่ว 2 ช้อนโต๊ะ (ประมาณ 32 กรัม) ให้พลังงาน 188 กิโลแคลอรี่ และมีคุณค่าทางโภชนาการ กล่าวคือ โปรตีน 7.02 กรัม ไขมันทั้งหมด 16 กรัม (21% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน) ,กรดไขมันอิ่มตัว 3 กรัม (15% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน), คาร์โบไฮเดรต 7.7 กรัม (3% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน) , ไฟเบอร์ 1.8 กรัม (6% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน) , สังกะสี หรือซิงก์ 0.85 มิลลิกรัม (7.7% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน) , วิตามินบี 3 หรือไนอะซิน 4.21 มิลลิกรัม-



"เนยถั่ว" 2 ช้อนโต๊ะ (ประมาณ 32 กรัม) ยังมี วิตามินบี 6 0.17กรัม (14% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน) , แมกนีเซียม 57 มิลลิกรัม , ฟอสฟอรัส 107 มิลลิกรัม, โพแทสเซียม 200 กรัม , น้ำตาล 2.1 กรัม, โซเดียม 152 มิลลิกรัม , วิตามินและแร่ธาตุอื่น ๆ เช่น วิตามินอี แคลเซียม เหล็ก คุณค่าทางโภชนาการของเนยถั่ว แตกต่างกันไปตามส่วนผสมในการทำเนยถั่ว


ประโยชน์ต่อสุขภาพของ “เนยถั่ว” แม้เนยถั่วจะมีไขมันอิ่มตัว ซึ่งเป็นที่เข้าใจกันว่าไม่ดีต่อสุขภาพ แต่เนยถั่ว มีวิตามินและแร่ธาตุอื่นๆ อีก หากบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม ก็จัดว่าเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ได้แก่ ในการลดน้ำหนัก - การบริโภคถั่วช่วยให้สามารถควบคุมน้ำหนักให้คงที่ เพราะถั่ว หรืออาหารจากถั่วอย่างเนยถั่ว อุดมไปด้วยโปรตีน ไขมัน และไฟเบอร์ จึงทำให้รู้สึกอิ่มได้นานขึ้น



บำรุงหัวใจ- เนยถั่วมีสารอาหารมากมายที่ดีต่อสุขภาพหัวใจ เช่น กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว , กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน ไนอะซิน หรือวิตามินบี 3 วิตามินอี แมกนีเซียม การบริโภคถั่วในปริมาณมาก อาจช่วยลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและโรคอื่นๆ ได้ เนยถั่วจึงถือเป็นตัวเลือกในการเสริมสร้างสุขภาพหัวใจ



ลดความเสี่ยงการเกิดโรคเต้านม - การบริโภคเนยถั่วเป็นประจำ โดยเฉพาะผู้ที่กินเนยถั่วตั้งแต่วัยรุ่น อาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดก้อนที่เต้านม ที่เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งเต้านมได้ ผลงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่เผยแพร่ในวารสาร Breast Cancer Research and Treatment พบว่า การบริโภคเนยถั่วและถั่วชนิดต่างๆ อาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดก้อนที่เต้านม ในช่วงวัย 30 ปีขึ้นไป และแม้แต่ผู้หญิงที่คนในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคมะเร็งเต้านม ก็พบว่าความเสี่ยงลดลงเช่นกัน


เสริมสร้างกล้ามเนื้อ - เนยถั่วให้พลังงานสูง อุดมไปด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัว ทั้งยังเป็นแหล่งโปรตีนชั้นดี ช่วยเสริมสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ จัดการกับระดับน้ำตาลในเลือด - เนยถั่วจัดเป็นอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตต่ำ อุดมไปด้วยไขมันดี และโปรตีน มีไฟเบอร์ หากเป็นเนยถั่วแบบไม่เติมน้ำตาลหรือสารให้ความหวาน จะดีต่อระดับน้ำตาลในเลือด เป็นตัวเลือกที่เหมาะกับผู้ป่วยเบาหวาน



อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ - สารต้านอนุมูลอิสระช่วยลดภาวะเครียดออกซิเดชัน หรือภาวะถูกออกซิไดซ์เกินสมดุล ซึ่งนำไปสู่โรคเรื้อรังต่างๆ ได้มากมาย สารต้านอิสระที่พบได้มากในเนยถั่ว ได้แก่ เรสเวอราทรอล ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ โรคมะเร็ง และโรคอัลไซเมอร์ได้


เนยถั่วกินก่อนนอนช่วยให้หลับสนิทขึ้น


ทำไมเนยถั่วถึงช่วยให้หลับสนิท


อ้างอิงจากคำอธิบายของคุณ Kristin Kirkpatrick นักวิจัยจาก YouBeauty Nutrition Advisor ที่เคยได้พูดไว้ที่ Huffington Post เหตุผลที่ทำให้การทานเนยถั่วก่อนนอนช่วยให้ประสิทธิภาพการนอนหลับของเราดีขึ้น เกิดจากการที่ในเนยถั่วมีสารชื่อว่า “ทริปโตเฟน (Tryptophan)” ซึ่งเป็นหนึ่งในกรดอะมิโนจำเป็น ทำหน้าที่เป็นสารตั้งต้นในการผลิต “เซโรโทนิน (Serotonin)” และ “เมลาโทนิน (Melatonin)” สารสื่อประสาทและฮอร์โมนที่ทำหน้าที่ช่วยเรื่องการนอนหลับของเรา ที่จริงแล้วอาหารที่อุดมไปด้วยเจ้าทริปโตเฟนนี้ ก็ไม่ได้มีเพียงแค่เนยถั่วเท่านั้น แต่ยังพบมากในอาหารกลุ่มโปรตีนสูง จำพวกนม ผลิตภัณฑ์จากนม ถั่ว (Nuts) ไข่ เต้าหู้ หรือ กล้วยน้ำว้าและน้ำผึ้ง



อย่างไรก็ตาม เนยถั่ว จัดเป็นอาหารที่มีแคลอรี่สูง ควรบริโภคแต่พอดี เพราะมากเกินไปอาจทำให้ปริมาณไขมัน น้ำตาล และโซเดียมในร่างกายสูงขึ้น ส่งผลเสียต่อสุขภาพหัวใจ และสุขภาพโดยรวม ผู้ที่เป็นภูมิแพ้ถั่ว ไม่ว่าจะเป็นถั่วลิสงหรือถั่วอื่นๆ ไม่ควรบริโภคเพื่อป้องกันอาการแพ้ ซึ่งอาจเป็นอันตราย