คัสตาร์ดมะม่วงอิตาเลียนนี้จะละลายในปาก หวาน และสดชื่น มาเรียนรู้วิธีการทำกันเถอะ!


ส่วนผสมสำหรับคัสตาร์ดมะม่วง


ส่วนผสมในการทำคัสตาร์ดมะม่วง


นม 200 มล.


น้ำตาลทราย 42 กรัม


เจลาติน 2 ชิ้น


ไลท์ครีม 120 มล.


#ซอสมะม่วง


เนื้อมะม่วง 100 กรัม


น้ำตาลทรายละเอียด 20 กรัม (เพิ่มหรือลดได้ตามความหวานของมะม่วง)


น้ำมะนาว 5 มล.


มะม่วงหั่นเต๋า


วิธีทำคัสตาร์ดมะม่วง


1. ละลายเจลาตินด้วยน้ำน้ำแข็ง


2. ใส่นมและน้ำตาลลงในหม้อนมแล้วปรุงที่อุณหภูมิ 80°C ปิดความร้อน


3. ใส่เจลาตินแล้วคนจนละลาย


4. เติมครีมเนื้อบางเบาแล้วคนให้เข้ากัน


5. พักของเหลวที่ผสมไว้


6. เทใส่ภาชนะแล้วแช่ตู้เย็นประมาณ 4 ชั่วโมงขึ้นไป


7. เคี่ยวซอสมะม่วง: หั่นมะม่วงและน้ำตาลเข้าด้วยกันในหม้อ แล้วคนให้เข้ากันจนน้ำตาลละลายและข้น บีบน้ำมะนาวลงไป


8. เคี่ยวซอสมะม่วงจนข้นและพักไว้ ปล่อยให้เย็นแล้วพักไว้


9. นำคัสตาร์ดที่แข็งตัวออกแล้วเติมซอสมะม่วงที่แช่เย็นแล้ว


10. เรียงมะม่วงหั่นเต๋าไว้ด้านบน


11. คัสตาร์ดมะม่วงที่ดีและอร่อยก็พร้อมแล้ว


เคล็ดลับ


1. ปริมาณน้ำตาลและน้ำมะนาวไม่คงที่ ปรับตามความหวานของมะม่วง


2. หากคุณพบว่าขั้นตอนซอสมะม่วงยุ่งยาก คุณสามารถข้ามขั้นตอนนี้ไปได้โดยเติมเนื้อมะม่วงที่อร่อยลงไปด้วย


3. ควรเติมครีมเนื้อบางเบาในคัสตาร์ดเป็นลำดับสุดท้าย หากร้อนเกินไป ครีมเนื้อบางเบาจะแยกน้ำมันและน้ำออกได้ง่าย และจะมีชั้นผิวนมสีเหลืองหนาส่งผลต่อความงาม


ประโยชน์ของมะม่วง


1. เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน


มะม่วงมีวิตามินซีจำนวนมาก ซึ่งสามารถเพิ่มอิมมูโนโกลบูลินและการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกันของร่างกาย เพื่อเพิ่มบทบาทภูมิคุ้มกันของร่างกาย


2. ยาระบาย


มะม่วงมีใยอาหารจำนวนมาก สามารถส่งเสริมการบีบตัวของระบบทางเดินอาหาร แต่ยังสามารถดูดซับน้ำบวม อุจจาระนิ่ม เพื่อให้บรรลุบทบาทของยาระบาย


3. ปรับปรุงอาการหัวใจและหลอดเลือด


มะม่วงมีวิตามินซีและสามารถลดไตรกลีเซอไรด์และคอเลสเตอรอลได้ ซึ่งมีบทบาทบางอย่างในการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด อย่างไรก็ตาม มะม่วงมีปริมาณน้ำตาลสูง ดังนั้นผู้ป่วยโรคเบาหวานจึงควรหลีกเลี่ยงการบริโภคมากเกินไป