ก่อนที่จะทำเครื่องดื่มน้ำเชอร์รี เรามารู้จักกับสรรพคุณและสารอาหารที่ได้รับจากการดื่มน้ำเชอร์รีกันก่อน เชอร์รีเป็นผลไม้ที่มีสรรพคุณช่วยลดอาการปวดตามข้อ ปวดตามกระดูกได้เป็นอย่างดี และยังช่วยรักษาโรคเกาต์ได้อีกด้วย นอกจากนี้การรับประทานเชอร์รี ยังช่วยป้องกันการเป็นโรคลักปิดลักเปิดหรือโรคเลือดออกตามไรฟัน ป้องกันการเป็นโรคโลหิตจางได้อีกด้วย ที่สำคัญยังการดื่มน้ำเชอร์รียังช่วยให้ผู้ดื่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่าได้อีกด้วย


เชอร์รีอุดมไปด้วยวิตามินซีสูง และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น สารแอนโทไซยานิน หรือสารสีม่วง ที่มีส่วนช่วยในการต่อต้าน การอักเสบภายในร่างกายได้เป็นอย่างดี ช่วยรักษาอาการปวดตามข้อ ปวดตามกระดูก หรือช่วยรักษาอาการของโรคเกาต์ อีกทั้งน้ำเชอร์รี ยังมีส่วนช่วยต่อต้านจากการเกิดโรคมะเร็งได้อีกด้วย นอกจากนี้เชอร์รียังเป็นแหล่งของธาตุเหล็กที่ช่วยป้องกันการเป็นโรคธาลัทซีเมียหรือโรคโลหิตจางได้อีกด้วย ดังนั้นเพื่อสุขภาพที่ดีเราขอแนะนำการทำเครื่องดื่มน้ำเชอร์รีง่ายๆตามนี้ค่ะ


ส่วนผสมต่างๆ


• เชอร์รี 12-15 ลูก


• สตรอว์เบอร์รี 3-5 ลูก


• เลมอน 1 ลูก


• โยเกิร์ต 1/2 ถ้วย


• นมสด 140 มล.


• น้ำผึ้ง 1 ถ้วย


• โรสแมรี


วิธีทำที่ง่ายๆใครก็สามารถทำได้


• นำเชอร์รีมาคว้านเมล็ดออกแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กกำลังดีแล้วนำไปแช่เย็น


• นำสตรอว์เบอร์รีสด มาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วนำไปแช่แข็ง


• เมื่อเชอร์รีและสตรอว์เบอร์รีเย็นได้ที่แล้วนำไปใส่เครื่องปั่นเทนมผสมลงไป


• จากนั้นตามด้วยโยเกิร์ตและน้ำผึ้งเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความกลมกล่อมให้กับสมูทตี้แก้วนี้มากยิ่งขึ้น


• บีบเลมอนลงไปพอประมาณเพื่อเพิ่มรสชาติและกลิ่นหอมๆ ชวนให้ลิ้มลอง


• ปั่นส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน จากนั้นเทน้ำแข็งลงไปในเครื่องปั่น แล้วปั่นให้ส่วนผสมและน้ำแข็งเป็นเนื้อเดียวกัน


• เมื่อปั่นเสร็จจะได้สมูทตี้เชอร์รีสีสวยงามและน่าดื่ม เทใส่แก้วสวยๆ แล้วตกแต่งด้วยโยเกิร์ตและเชอร์รีสด วางใบโรสแมรีลงไปสักหน่อยเพิ่มความน่าดื่มมากยิ่งขึ้น


“สมูทตี้เชอร์รี” เครื่องดื่มที่นอกจากจะช่วยเติมความสดชื่น เพิ่มความกระปรี้กระเปร่าในระหว่างวันได้แล้วยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วย ก็เจ้า “เชอร์รี” นี้เป็นผลไม้ที่ถึงแม้จะเม็ดเล็กๆ สีสันสดใสแต่เปี่ยมไปด้วยคุณประโยชน์มากมายไม่ว่าจะช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส อีกทั้งยังช่วยสังเคราะห์คอลลาเจน ต่อต้านอนุมูลอิสระและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง และมีสารไลโคปีนที่ช่วยยั้บยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งมดลูก มะเร็งปอด มะเร็งต่อมลูกหมากได้ถึงร้อยละ 20 อีกด้วยล่ะค่ะ