เกรปฟรุตสีแดงถูกค้นพบครั้งแรกบนเกาะบาร์เบโดสในอเมริกาใต้ราวปี ค.ศ. 1750 แลได้รับการแนะนำให้เป็นที่รู้จักในสหรัฐอเมริกาเมื่อปีค.ศ. 2423 เป็นผลไม้ที่เป็นชื่นชอบของผู้คนนับไม่ถ้วน ดึงดูดใจด้วยรสชาติที่นุ่มนวล ชุ่มฉ่ำ หวานอมเปรี้ยว
เกรปฟรุตอุดมไปด้วยสารอาหารและประกอบด้วยสารอาหารจำเป็นต่อร่างกายมนุษย์อยู่มากมาย อัตราการบริโภคทั่วไปสูงกว่า 70% คุณค่าทางโภชนาการที่เข้มข้นที่เข้มข้นที่ผลไม้รสเปรี้ยวชนิดอื่น ๆ ไม่สามารถเทียบได้
ประโยชน์ของเกรปฟรุต
1. เพิ่มอัตราการเผาผลาญ
เกรปฟรุตสามารถขับโซเดียมส่วนเกินภายในร่างกาย ป้องกันการสูญเสียโพแทสเซียม และรักษาสมดุลระบบเผาผลาญ กระบวนการทางชีวเคมีตามปกติของร่างกายมนุษย์
2. ช่วยย่อยอาหาร
เกรปฟรุตมีฤทธิ์เป็นกรด ซึ่งสามารถเพิ่มน้ำย่อยในร่างกาย และช่วยส่งเสริมการย่อยอาหาร การดูดซึมสารอาหารได้
3. รักษาความดันโลหิตสูง
เกรปฟรุตเป็นผลไม้หายากที่อุดมไปด้วยโพแทสเซียมและแทบไม่มีโซเดียมเลย เป็นผลไม้อาหารที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และโรคไต
4.ป้องกันโรคหัวใจ
เกรปฟรุตอุดมไปด้วยเพคติน ซึ่งสามารถลดปริมาณคอเลสเตอรอล ไลโพโปรตีนหนาแน่นต่ำ ลดความเสียหายของผนังหลอดเลือดแดง รักษาการทำงานของหลอดเลือด และป้องกันโรคหัวใจ
5. บำรุงสุขภาพสตรีมีครรภ์
เกรปฟรุตยังมีกรดโฟลิกตามธรรมชาติซึ่งจำเป็นไม่เพียงแต่สำหรับการตั้งครรภ์ในระยะแรกแต่ตลอดการตั้งครรภ์ ดังนั้นเกรปฟรุตจึงเป็นผลไม้ที่เหมาะสำหรับสตรีมีครรภ์
น้ำเกรปฟรุตอร่อย ๆ ทำดื่มเองได้!
ส่วนผสม : เกรปฟรุต น้ำเชื่อม น้ำโซดา น้ำแข็งก้อน
1. ผ่าครึ่งเกรปฟรุต
2. หั่นใช้ 1 ชิ้น คั้นเกรปฟรุตที่เหลือสำหรับใช้ทำเครื่องดื่ม
3. เทเนื้อที่คั้นและน้ำผลไม้ลงในถ้วย แล้วเติมน้ำเชื่อม 30 มล.
4. ติดชิ้นเกรปฟรุตลงบนขอบแก้ว
5. เติมน้ำแข็งก้อนลงไป 9 ถึง 10 ก้อน แล้วเทน้ำโซดา
6. ใส่ใบสะระแหน่สำหรับตกแต่ง เครื่องดื่มเกรปฟรุตเย็นเต็มแก้วพร้อมเสิร์ฟ
การดื่มน้ำเกรปฟรุตมีประโยชน์มากมาย
เกรปฟรุตประกอบด้วยไบโอฟลาโวนอยด์จากธรรมชาติและวิตามินซีที่อุดมไปด้วย กรดซิตริก โซเดียม โพแทสเซียม แคลเซียม และอื่นๆ
เกรปฟรุตมีกรดโฟลิกตามธรรมชาติซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับสตรีมีครรภ์
ในช่วงฤดูร้อน น้ำเกรปฟรุตหนึ่งแก้วสามารถทำให้ผู้คนรู้สึกมีความสุขและสบายใจ บรรเทาความวิตกกังวล และยังมอบความสดชื่นให้อีกด้วย