สมูทตี้ อาจเป็นเครื่องดื่มแก้วโปรดของคนรักสุขภาพหลายคน และเป็นเมนูที่ทำได้ไม่ยาก เพียงแค่ใส่ผลไม้ต่าง ๆ ลงในเครื่องปั่นก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย แม้บางสูตรอาจมีรสชาติไม่ถูกปาก แต่หากรับประทานผลไม้ต่าง ๆ ในสัดส่วนที่เหมาะสมก็มีประโยชน์ต่อสุขภาพได้


เคล็ดไม่ลับในการทำสมูทตี้


หลายคนอาจเข้าใจว่าการทำสมูทตี้นั้นเพียงแค่มีผลไม้สัก 2-3 อย่าง ใส่น้ำแข็ง และเติมความหวานลงไปก็เรียบร้อย แต่จริง ๆ แล้วยังมีเทคนิคในการเลือกสรรวัตถุดิบที่ไม่เพียงจะทำให้สมูทตี้แก้วโปรดมีรสชาติอร่อยถูกปากแล้ว แต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพด้วย ดังนี้



เลือกผลไม้ที่มีน้ำตาลน้อย ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ไม่ว่าจะเป็นสตรอเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ แบล็คเบอร์รี่ หรือราสเบอร์รี่ รวมถึงแคนตาลูป เกรปฟรุต และมะละกอ ล้วนเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลน้อย นอกจากนี้ หลายคนนิยมดื่มสมูทตี้ที่มีส่วนผสมของกล้วยด้วย เพราะหอมอร่อยและช่วยเพิ่มความข้นให้กับเนื้อสมูทตี้ แต่กล้วยเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง ซึ่งกล้วยประมาณ 85 กรัมจะมีน้ำตาลประมาณ 10 กรัม รวมถึงเชอร์รี่ องุ่น มะม่วง และมะเดื่อฝรั่งก็เป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลสูงเช่นกัน จึงควรควบคุมปริมาณในการบริโภค ทั้งนี้ อาจเพิ่มน้ำแข็งหรือเลือกใช้ผลไม้แช่แข็งเพื่อช่วยให้เนื้อสมูทตี้ข้นขึ้นแทนได้เช่นกัน และไม่ควรดื่มสมูทตี้เกินวันละ 150 มิลลิกรัมหรือประมาณ 1 แก้วเล็ก เพราะน้ำตาลจากผลไม้อาจทำให้เสี่ยงต่อการเกิดฟันผุได้


เพิ่มอาหารที่เป็นแหล่งโปรตีนและไขมันดี อะโวคาโดเป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่ประกอบไปด้วยไขมันชนิดที่ดีต่อร่างกาย ทั้งยังมีวิตามินบี โพแทสเซียม และสารต้านอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ เวย์โปรตีนและถั่วลันเตาก็เป็นแหล่งโปรตีนที่ย่อยง่ายซึ่งประกอบด้วยกรดอะมิโนจำเป็น หรือสามารถใส่เมล็ดเจียที่ช่วยให้สมูทตี้มีเนื้อข้นขึ้น ทั้งยังมีไฟเบอร์ โปรตีน และไขมันชนิดที่ดีต่อร่างกายด้วย



ใส่ผักใบเขียวเพิ่มประโยชน์ เช่น ปวยเล้ง เคล หรือสวิสชาร์ด เป็นต้น เพราะเป็นผักที่จะเพิ่มสีเขียวให้กับสมูทตี้ และยังประกอบไปด้วยสารอาหารมากมาย ทั้งวิตามิน ไฟเบอร์ และสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งอาจใส่น้ำมะนาวลงไปด้วยเพื่อช่วยให้รสชาติของผักใบเขียวกลมกลืนกับผลไม้อื่น ๆ ในแก้วได้เป็นอย่างดี


เติมความหวานอย่างระมัดระวัง แม้จะเลือกวัตถุดิบที่มีไขมันดีอย่างอะโวคาโด หรือผลไม้รสเปรี้ยวในตระกูลเบอร์รี่ แต่หากเติมน้ำตาลหรือน้ำผึ้งมากเกินไปก็อาจทำให้สมูทตี้แก้วนั้นไม่ดีต่อสุขภาพอย่างที่คิด เพราะความหวานที่มากเกินพอดีอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ตามมา อย่างฟันผุ น้ำหนักตัวเกิน โรคอ้วน โรคเบาหวาน รวมถึงโรคหลอดเลือดหัวใจ แต่หากติดรสหวานก็อาจเลือกใช้หญ้าหวานหรือสารให้ความหวานทดแทนน้ำตาลในรูปแบบอื่น ๆ เพื่อเพิ่มรสชาติให้สมูทตี้แก้วโปรด


รวมสูตรสมูทตี้ ทำดื่มได้เองที่บ้าน อร่อยถูกปาก ดีต่อสุขภาพ



สมูทตี้มะม่วง



มะม่วงเป็นผลไม้ที่มีเส้นใยอาหารที่ช่วยในเรื่องของระบบขับถ่าย ช่วยบำรุงและรักษาสายตา เพราะอุดมไปด้วยวิตามินเอและเบตาแคโรทีน รวมถึงธาตุเหล็กและโพแทสเซียมด้วย



วัตถุดิบ



1. มะม่วงสุก 1 ลูก



2. น้ำผึ้งหรือน้ำเชื่อมครึ่งช้อนโต๊ะ



3. น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ



4. โยเกิร์ตครึ่งถ้วย



5. น้ำเปล่าเล็กน้อย



6. น้ำแข็งป่น 1 แก้ว


สมูทตี้เสาวรส



นอกจากจะอุดมไปด้วยวิตามินซีแล้ว เสาวรสยังมีคุณสมบัติที่ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ช่วยในการชะลอวัย ชะลอการเกิดริ้วรอยด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระ พร้อมเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง



วัตถุดิบ



1. เสาวรส 2-3 ลูก



2. น้ำส้มสดครึ่งแก้ว



3. น้ำผึ้งหรือน้ำเชื่อม 2 ช้อนโต๊ะ



4. เกลือครึ่งช้อนชา



5. น้ำแข็งป่น 1 แก้ว


สมูทตี้ Beetroot Apple



อยากได้วิตามินซีแน่นๆ ต้องแก้วนี้เลยเพราะ ส้มมันเอ้าท์ไปแล้ว กว่าจะได้วิตามินซีตามต้องการ คงต้องทานหลายลูก งั้นคงต้องลองเปลี่ยนมาทานบีทรูทดูสิ ดื่มง่ายรสชาติไม่บาดคอ สัมผัสได้ถึงปริมาณวิตามิน ที่เข้าไปในร่างกายได้แน่นอน



วัตถุดิบ



1. บีทรูท 1 - 2 หัว



2. แอปเปิล แดง 1 ลูก



3. น้ำมะเขือเทศ 1 ถ้วย



4. น้ำแข็ง 1 แก้ว (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)


สมูทตี้ Blueberry



อร่อยลูกจิ๋วแต่แจ๋ว ฟังแล้วอาจจะตกใจ ทำไมน้ำชะลอวัยถึงได้มีชื่อทันสมัยขนาดนี้ จริงๆ แล้ว สรรพคุณของ ตระกูลเบอร์รี่ขึ้นชื่อกันอยู่แล้ว เพราะประโยชน์มันมากมายเหลือเกิน แต่ประโยชน์หลักของลูกเบอร์รี่นั้น สามารถช่วยฟื้นฟูการสร้างคอลลาเจนที่ผิว ทำให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์ ได้เป็นอย่างดี



วัตถุดิบ



1. เบอร์รี่แช่แข็ง 150 กรัม



2. ใบสาระแหน่ 8 ใบ



3. นมสด 300 มิลลิลิตร