หมีขาว หรือ หมีขั้วโลก (อังกฤษ: polar bear; ชื่อวิทยาศาสตร์: Ursus maritimus) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมในชั้นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม ในอันดับสัตว์กินเนื้อ (Carnivora) จัดเป็นหมีชนิดหนึ่ง


หมีขาว ถือได้ว่าเป็นสัตว์กินเนื้อบนพื้นดินที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 2 รองจากหมีกริซลี (U. arctos horribilis) ที่พบในทวีปอเมริกาเหนือ ตัวผู้เต็มวัยอาจสูงได้ถึง 3 เมตร น้ำหนักตัวอาจมากได้ถึง 350–680 กิโลกรัม (770–1,500 ปอนด์) อายุขัยโดยเฉลี่ย 30 ปี หมีขาวมีรูปร่างที่แตกต่างจากหมีชนิดอื่น ๆ ที่เห็นได้ชัดเจน คือ มีส่วนคอที่ยาวกว่า ขณะที่ใบหูก็มีขนาดเล็ก อุ้งเท้ามีขนาดใหญ่ และที่เป็นจุดเด่นเห็นได้ชัด คือ สีขนที่เป็นสีขาวครีมอมเหลืองอ่อน ๆ อันเป็นที่มาของชื่อเรียก เนื่องจากผลของเกลือในน้ำทะเล ซึ่งขนสีครีมนี้ทำให้พรางตัวให้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยหิมะและน้ำแข็งได้เป็นอย่างดี


หมีขาวกระจายพันธุ์อยู่เฉพาะซีกโลกทางเหนือ บริเวณขั้วโลกเหนือหรืออาร์กติกเท่านั้น จัดได้ว่าเป็นสัตว์กินเนื้อที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในซีกโลกนี้ อุ้งเท้าของหมีขาวมีขนรองช่วยให้ไม่ลื่นไถลไปกับความลื่นของพื้นน้ำแข็ง หมีขาวถือเป็นสัตว์ที่เดินทางไกลมาก โดยบางครั้งอาจจะใช้วิธีการนั่งบนแผ่นหรือก้อนน้ำแข็งลอยตามน้ำไป หรือไม่ก็ว่ายน้ำหรือดำน้ำไป ซึ่งหมีขาวจัดเป็นหมีที่ว่ายน้ำและดำน้ำเก่งมาก โดยใช้ขาหน้าพุ้ย หรือบางครั้งก็ใช้ทั้ง 4 ขา เคยมีผู้พบหมีขาวว่ายอยู่ในทะเลที่ห่างจากชายฝั่งไกลถึง 200 ไมล์


หมีขาว เป็นหมีที่ถือได้ว่ากินอาหารมากกว่าหมีชนิดอื่น ๆ ซึ่งอาหารของหมีขาวมีมากมาย เช่น แมวน้ำ หรือ วอลรัส ด้วยการย่องเข้าไปเงียบ ๆ หรือหลบซ่อนตัวตามก้อนหินหรือก้อนน้ำแข็ง นอกจากนี้แล้วบางครั้งยังอาจจับนกทะเล ทั้งไข่และลูกนก บางครั้งก็จับปลากิน หรืออาจจะกินซากของวาฬที่ตายเกยตื้น หรือแม้แต่ซากหมีขาวด้วยกันหรือลูกหมีที่ตายได้ด้วย หมีขาวมีประสาทสัมผัสการรับรู้กลิ่นที่ดีมาก โดยสามารถได้กลิ่นลูกแมวน้ำที่ซ่อนตัวอยู่ใต้พื้นน้ำแข็งได้ไกลถึง 2 กิโลเมตร


หมีขั้วโลกใกล้จะสูญพันธุ์แล้วหรือยัง



หมีขั้วโลกยังไม่ได้รับการจัดประเภทว่าใกล้จะสูญพันธุ์ แต่ถูกระบุว่าถูกคุกคามและมีความเสี่ยง



ปัจจุบันหมีขั้วโลกมีอยู่ที่ราว 25,000 ตัว แต่กำลังลดลง จากการคุกคามแหล่งที่อยู่อาศัย มลภาวะและสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปซึ่งส่งผลต่ออาหาร และการล่าที่ผิดกฎหมายโดยมนุษย์ (อีกแล้ว)



จะว่าไปแล้ว หมีขั้วโลกจัดอยู่ด้านบนสุดของ "ห่วงโซ่อาหาร" ในสภาพแวดล้อมของพวกมัน


ความเป็นอยู่ของหมีขั้วโลกถูกมองเป็นมาตรวัดว่าตอนนี้โลกเรามีปัญหาแค่ไหน มีการค้นพบว่า Arctic มีอัตราการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเป็น 2 เท่าของค่าเฉลี่ยโลก



การที่ Arctic มีอุณหภูมิสูงขึ้นจนทำให้น้ำแข็งละลายมากขึ้น จะส่งผลมาถึงคนทั้งโลก เนื่องจากการละลายจะทำให้มีน้ำทะเลปริมาณมากขึ้น มีโอกาสเกิดน้ำท่วมพื้นดินได้ และอุณหภูมิของน้ำที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้การเดินทางของสิ่งมีชีวิตใต้น้ำต้องเปลี่ยนแปลงไป ส่งผลกับสัตว์อื่นที่กินเป็นอาหาร (รวมถึงมนุษย์เช่นกัน)



นอกจากนี้การที่เค้าต้องพบว่าบ้านหรือพื้นน้ำแข็งหายไปเรื่อย ๆ ลองคิดว่าเราเป็นหมีตัวนั้นที่ตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าทางเดินหน้าบ้านถูกตัดขาด หาอาหารก็ไม่ได้



เราจะเห็นได้ว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้น หมีขั้วโลกไม่สามารถแก้ปัญหาด้วยตัวเองได้ แต่เรา มนุษย์ ผู้ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้เกิดอุตสาหกรรม เกิดสิ่งที่เรียกว่าสภาวะภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง เราสามารถช่วยกันแก้ไขได้ โดยอาจจะใช้ Good Life Goals เป็นตัวช่วย คือ ทำตามเป้าหมายที่ 13 จริงจังเรื่องสภาพภูมิอากาศ (Act on Climate) โดย



1. เรียนรู้วิธีการแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศ: การหาต้นตอของปัญหาจะทำให้เห็นความเชื่อมโยงของกิจกรรมในชีวิตประจำวันกับผลกระทบที่เกิดขึ้น ได้ทำความเข้าใจและสามารถสร้างวิธีแก้ไขปัญหาในแบบฉบับของตัวเองขึ้นได้



2. เรียกร้องให้มีการใช้พลังงานหมุนเวียนมากขึ้นในประเทศ: เพราะอุตสาหกรรมพลังงานฟอสซิลใช้พลังงานมหาศาลและยังปล่อยก๊าสเรือนกระจกจำนวนมากตั้งแต่ต้นน้ำ-ปลายน้ำ


3. กินพืชผักผลไม้มากขึ้น กินเนื้อให้น้อยลง: เรื่องง่าย ๆ อย่างเรื่องการกินก็มีผลมากเหมือนกัน อุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์ปล่อยก๊าสเรือนกระจกเป็นจำนวนมาก ทั้งจากสัตว์ที่เลี้ยง ต้นตอของอาหารที่ใช้เลี้ยงปศุสัตว์



4. เดินและปั่นจักรยานมากกว่าการใช้รถยนต์ส่วนตัว: รถยนต์ส่วนมากยังต้องอาศัยเชื้อเพลิงฟอสซิลอยู่ และมีการปล่อยก๊าสเรือนกระจกจากไอเสียอีกด้วย แม้ว่าการเดินเท้าและปั่นจักรยานในเมืองจะเป็นเรื่องยาก แต่เราสามารถลองปรับเปลี่ยนได้โดยการ เดินให้มากขึ้นหรือเลือกใช้ขนส่งสาธารณะที่ส่งผลกระทบน้อยกว่า



5. เรียกร้องให้ผู้นำลงมือปฏิบัติเรื่องปัญหาสภาพภูมิอากาศอย่างเร่งด่วน: เพราะคนตัวเล็ก ๆ รวมตัวกันเปลี่ยนแปลงสามารถทำได้ แต่อาจจะต้องใช้พลัง ความพยายาม และเวลามาก การที่ผู้มีอำนาจเล็งเห็นปัญหาและสามารถออกนโยบายที่ดีต่อโลกได้ จะเป็นการช่วยลดเวลาลงอย่างมาก