สำหรับการแต่งตัวผู้ชายก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่จะจับเสื้อตัวนั้นมาแมตซ์กับกางเกงตัวนี้ ยิ่งถ้าคุณห่างไกลกับคำว่า แฟชั่น ด้วยแล้ว ก็ยิ่งเป็นงานยาก แต่วันนี้ Thomas มีทางลัดมาให้คุณแล้วด้วย Tips การแต่งตัวผู้ชายที่ใช้ได้ทุกโอกาส ลองใช้สูตรลัดแมตซ์ชุดเหล่านี้กันดู
1. แต่งตัวผู้ชายสไตล์สุดคูล “Tracksuits”
Tracksuits หรือการแต่งตัวผู้ชายสไตล์ Sportswear ที่เป็นเซ็ตชุดวอร์มแบบเดียวกันทั้งส่วนบนและส่วนล่าง จากชุดกีฬาลำลองกลายเป็นแฟชั่นสุดคูล สามารถหยิบมาสวมใส่ได้ลุคแนวสตรีทแบบง่าย ๆ ไม่ต้องใช้สกิลแมตซ์ชุดให้ยุ่งยากอีกด้วย
Track Pants กางเกมวอร์มมีรูปทรงและดีไซน์แฟชั่น มีลวดลายที่พาดจากขอบเอวลากยาวสู่ปลายขากางเกง
Jogger Pants กางเกงวอร์มขาจั๊ม เป็นมากกว่ากางเกงออกกำลังกาย ใส่ได้หลายโอกาส
Track Jacket แจ็กเก็ตกีฬา ปกทรงสี่เหลี่ยม เมื่อรูดซิปจนสุดจะกลายเป็นแจ็กเก็ตปกตั้งปิดคอ
Bomber Jacket แจ็กเก็ตนักบิน มีปกคอเต่า จั๊มแขนและเอว
Hoodie แจ็กเก็ตมีฮู้ด หรือเสื้อฮู้ด
2.แต่งตัวผู้ชายด้วย “Over the Knee Shorts” ไอเทมที่มีทุกตู้
ไอเทมสำหรับการแต่งตัวผู้ชายที่ทุกคนต้องมีติดตู้อย่าง กางเกงขาสั้นเหนือเข่า เหมาะสำหรับอากาศบ้านเรามาก ๆ แถมยังจับแมตซ์ใส่กับเสื้อยืด เสื้อเชิ้ตก็ได้หมด หรือถ้าอยากสตรีทหน่อยสามารถเลือกใส่เป็นเสื้อ Oversize ก็ดูดีเช่นกัน และในปีนี้ 2020 ยังเป็นเทรนด์กางเกงที่เว็บไซต์แฟชั่นจากต่างประเทศบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ต้องมี อีกด้วย
3. “Monochromatic” คุมโทนไว้ก่อน
แต่งตัวคุมโทน หรือการจับคู่โทนสีเสื้อผ้าให้ไปในทิศทางเดียวกัน “Monochrome” กับโทนสียอดฮิตอย่าง ขาว เทา ดำ, น้ำตาล สีเบจ สีขาว สีน้ำเงิน และ Cool Earth Tone โดยเอิร์ธโทนเป็นสีที่ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ ตัวอย่าง สีน้ำตาล สีเบจ สีเขียว สีเทา สีฟ้า ซึ่งเราสามารถหยิบสีเหล่านี้มาแมตช์ออกมาให้ได้ 1 ลุค
ทั้งนี้ควรจะเลือกตัวที่มีความหนักและเข้มของสีแตกต่างกัน เช่น หากจะใส่สีเขียวทั้งตัว ก็อาจเลือกเสื้อเป็นสีเขียวเข้ม และกางเกงเป็นสีเขียวเบจอ่อน ๆ เป็นต้น หากแมตช์ด้วย 2 สี ถือว่าเป็นการแมตช์ที่ง่ายที่สุดครับ เสื้อหนึ่งสี กางเกงอีกหนึ่งสี ตัวอย่างเช่น แมตช์เป็นเสื้อเขียวกับกางเกงเทา, เสื้อเทากับกางเกงขาว, เสื้อดำกับกางเกงสีน้ำเงิน เป็นต้น
ส่วนถ้าเป็นการแมตช์ 3 สี ก็จะเป็นเสื้อตัวในหนึ่งสี เสื้อตัวนอก ไม่ว่าจะเป็น Jacket, Blazer, Sport Coat หนึ่งสี และกางเกงอีกหนึ่งสีครับ หากหยิบสีที่เราแนะนำไปข้างต้นมาแมตช์กัน ก็จะถือว่าเป็นตัวเลือกที่ค่อนข้างเซฟแม้ว่าจะต้องเลือกถึงสามสีมาใส่ไว้ในลุคเดียวครับ ตัวอย่างเช่น เชิ้ตสีขาว Blazer สีเทาและกางเกงสีน้ำเงิน หรือ T-shirt เทา สวม Jacket สีเขียว Military ทับกับกางเกงสีน้ำตาล เป็นต้น
นอกจากนี้เรื่องโทนสียังสามารถช่วยพรางรูปร่างของเราได้อีกด้วยครับ หลักการอย่างง่าย คือ สีเข้มจะทำให้ดูเพรียวกว่าหุ่นจริง และสีอ่อนจะทำให้ดูตัวหนาขึ้นครับ เทคนิคเรื่องของสีนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ เรื่องหนึ่งที่จะช่วยทำให้ การแต่งตัวผู้ชายดูดีขึ้น ได้มากกว่าที่คิดเลยล่ะ
4. เลือกชุดที่พอดีตัว
การรู้จักรูปร่างของตัวเองเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี คุณผู้ชายควรรู้ว่ารูปร่างตัวเองมีจุดเด่นจุดด้อยตรงไหน และพยายามเสริมจุดเด่นและกลบจุดด้อย จะทำให้ลุคของคุณออกมาดูดีที่สุด
เช่น ถ้าหากเป็นคนมีรูปร่างทรงสี่เหลี่ยม คือไหล่ เอว และสะโพก กว้างเท่าๆกัน ควรเลือกสูทหรือแจ็กเก็ตที่เสริมไหล่ หรือมีผ้าพันคอ ทำให้ไหล่ดูกว้างขึ้นและค่อยๆสอบเข้าตั้งแต่ช่วงอกลงไป ก็ดูดีได้ง่ายๆ เป็นต้น
5. “T-shirt with Chino Pants” สไตล์คลาสสิคย่อมดูดีเสมอ
ความคลาสสิคไม่เคยเสื่อมไปตามกาลเวลา ใส่ได้ทุกยุคทุกสมัย สำหรับผู้ชายที่ไม่อยากคิดเยอะ เสื้อผ้าสไตล์คลาสสิคที่ผู้ชายควรมีไว้ติดตู้ เช่น เสื้อยืดสีพื้น เสื้อเชิ้ตขาวหรือสีพื้น กางเกงชิโน
เป็นรูปแบบที่สามารถมิกซ์แอนด์แมตช์ได้กับเสื้อผ้าหลากหลายแบบ ใส่ได้ทุกโอกาสและยังดูดีอีกด้วย
กางเกงชิโน (Chino Pants) กางเกงที่ทำจากผ้าคอตตอนแบบ twill fabric มีความทนทาน แข็งแรง แต่ให้ความรู้สึกเบาสบาย
6.เลือกกระเป๋าและรองเท้าให้เข้าสไตล์และโอกาสที่ไปร่วม
เมื่อพิจารณาโอกาสในการแต่งตัวไปแล้วก็จะทำให้เราเลือกชุด พร้อมรองเท้ากระเป๋าได้เองซึ่งเราไม่อยากให้ผู้ชายทุกคนมองว่า มีกระเป๋าใบเดียวไปได้ทุกที่ หรือมีรองเท้าคู่เก่ง Sneaker หรือ Dress Shoe สักคู่แล้วแปลว่ารอด ไปได้ทุกงานทุกโอกาสครับ เพราะจริง ๆ รายละเอียดของกระเป๋าและรองเท้าแต่ละประเภทก็มีความเหมาะสมในการใช้งานอยู่
ยกตัวอย่างกระเป๋าเป้ Backpack เป็นกระเป๋าที่ทุกคนต้องมีอยู่ที่บ้าน ซึ่งเราสามารถใช้ได้ทั้งไปทำงาน เก็บสัมภาระเวลาเดินทาง ทั้งไปต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ ซึ่งการถือเป้ในสถานการณ์เหล่านี้ไม่ว่าจะแต่งตัวอย่างไรก็ไม่ผิด
แต่ถ้าเป็นวันที่ไปเดทหรือออกงานแล้วเรา Dress up อย่างดี ใส่เสื้อเชิ้ต Blazer และ Trouser ก็คงดูไม่เข้ากันกับการสะพายเป้ครับ เมื่อไหร่ที่เป็นวันที่แต่งตัวเต็มยศ เราแนะนำให้ถือเป็นพวก Handbag หรือ Tote Bag มากกว่ากระเป๋าที่ต้องสะพายข้าง
ส่วนเรื่องรองเท้า เราแนะนำว่าผู้ชายควรจะมีรองเท้า 3 ประเภทเพื่อเอาไว้เลือกใส่ในโอกาสที่ต่างกันครับ คือ Dress Shoe, Sneaker และ Sandal ที่มีสายรัดส้น รองเท้าถือเป็นตัวจบลุคที่จะสามารถ Dress Up และ Dress Down ได้อย่างชัดเจน เช่น ถ้าวันไหนใส่เสื้อโปโลกับกางเกงชิโน่ แล้วใส่รองเท้าหนังสีน้ำตาลสักคู่ ลุคโดยรวมของเราจะยังดูเนี้ยบครับ แต่ถ้าลองเปลี่ยนเป็น Sneaker สีขาวแทนรองเท้าหนัง ลุคโดยรวมก็จะออกมาดูสบาย ๆ และเด็กลงแทนนั่นเอง