ราสเบอร์รี่ เป็นชื่อเรียกผลไม้หลายชนิดในสกุลเดียวกับแบล็คเบอร์รี ต้นกำเนิดมาจากแถบยุโรป ผลราสเบอร์รี่สามารถรับประทานได้ซึ่งมีทั้งรสหวานและเปรี้ยว นักวิจัยพบว่า ผลราสเบอร์รี่มีสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพอย่างมาก และมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงกว่ามะเขือเทศถึง 10 เท่า ที่มีคุณค่าต่อผิวมากทีเดียว


ประโยชน์ของราสเบอร์รี่


• อุดมด้วยวิตามินซี ที่ช่วยให้เซลล์ผิวสดใส แข็งแรง ต่อต้านอนุมูลอิสระตัวการที่ทำให้ผิวหมองคล้ำและเกิดริ้วรอย


• มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย


• สารสีแดงในราสเบอร์รี่มีคุณสมบัติช่วยในการหมุนเวียนโลหิต อุดมด้วยวิตามิน A และ B ช่วยให้ผิวพรรณสดใสและสมานผิว


เทคนิคการปลูกราสเบอร์รี่


สามารถปลูกได้ทั้งในภาชนะและลงแปลงดิน ขึ้นอยู่กับพื้นที่และความต้องการของผู้ปลูก


• กรณีปลูกในภาชนะ ควรเลือกใช้กระถางที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางตั้งแต่ 15 นิ้วขึ้นไป วัสดุปลูก ได้แก่ ดินร่วน 3 ส่วน ผสมกับกาบมะพร้าวสับละเอียด และขุยมะพร้าว อย่างละ 1 ส่วน หากไม่มีกาบมะพร้าวสับสามารถใช้ดินใบก้ามปูหรือแกลบดิบที่หมักแล้วทดแทนได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงการใช้ดินถุงที่มีส่วนผสมของแกลบดำเพราะราสเบอร์รี่ไม่ชอบวัสดุปลูกที่เป็นด่างสูง หากจำเป็นต้องใช้ให้นำแกลบดำมาแช่น้ำทิ้งไว้ก่อน หลังจากปลูกจนมีหน่อขึ้นเต็มกระถาง ควรเปลี่ยนกระถางให้มีขนาดใหญ่ขึ้นหรือขุดหน่อออกไปขยายปลูกใหม่ก็ได้


• กรณีปลูกลงแปลงดิน ควรเตรียมแปลงปลูกให้มีความกว้างอย่างน้อย 60 เซนติเมตร ส่วนความยาวแปลงขึ้นอยู่กับพื้นที่ อาจทำเป็นแปลงกั้นคอกแล้วใส่ดินปลูกสูง 25-30 เซนติเมตร เพื่อให้รากชอนไช ดูดซึมธาตุอาหารและแตกหน่อใหม่ได้ดี ทั้งยังให้ผลสมบูรณ์ การปลูกควรใช้ระยะระหว่างต้นและระหว่างแถวอย่างน้อย 30 x 30 เซนติเมตร ปรุงดินและหมักทิ้งไว้อย่างน้อย 7 วันก่อนลงปลูก จากนั้นใช้ฟางข้าวหรือขุยมะพร้าวคลุมแปลงเพื่อช่วยรักษาความชื้นบริเวณหน้าดิน วิธีนี้จะทำให้ต้นแตกกอได้ไว หลังจากลงปลูก ควรพรางแสงต้นที่อยู่ในบริเวณที่มีแสงแดดจัด กระทั่งต้นเริ่มแตกหน่อใหม่จึงค่อย ๆ เอาซาแรนพรางแสงออก


หัวใจสำคัญของการปลูกราสเบอร์รี่ให้สำเร็จได้ง่าย ๆ ก็คือ วัสดุปลูกหรือดินปลูกต้องโปร่งร่วนซุย ระบายน้ำได้ดี ไม่ขังแฉะ หากวัสดุปลูกไม่ดีจะทำให้รากฝอยเสียหาย เป็นสาเหตุให้เชื้อโรคเข้าโจมตีจนเกิดโรครากเน่าและต้นเหี่ยวตายได้ อย่างไรก็ตาม ราสเบอร์รี่เป็นต้นไม้ที่ชอบการระบายน้ำที่ดี น้ำต้องไม่ขัง ชอบแสงแดดหรือดินที่มีความชุ่มชื้น แต่ต้องให้น้ำในปริมาณที่เพียงพอ สำหรับระยะการปลูกในช่วงแรก อาจต้องรดน้ำทุกวัน เพื่อให้ลำต้นเจริญเติบโต และในฤดูฝนให้ลดการให้น้ำลง การเก็บเกี่ยวราสเบอร์รี่จะใช้ระยะเวลาประมาณ 3-4 เดือน หลังปลูกลงแปลง ผลขนาดโตเต็มที่จะมีสีแดงสด ในส่วนวิธีการเก็บรักษาควรนำราสเบอร์รี่มาใส่ในภาชนะหรือกล่อง แนะนำไปแช่ตู้เย็นหรือแช่ในช่องฟรีซเพื่อรักษาไว้ให้ได้นาน


เทคนิคเพิ่มเติม


• หมั่นตัดแต่งใบที่เหี่ยวแห้ง ใบแก่ และใบที่หนาเกินไปออก เพื่อป้องกันการสะสมเชื้อโรคและแมลงศัตรู โดยตัดแต่งใบด้านล่างสูงขึ้นมาประมาณ 50 เซนติเมตร จะช่วยให้ทรงพุ่มมีการระบายอากาศที่ดี


• ตัดแต่งผลที่ไม่สมบูรณ์ออกบ้าง เหลือไว้เฉพาะผลที่สมบูรณ์เพื่อให้มีขนาดใหญ่และสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ร่วมกับการฉีดพ่นธาตุอาหารรองกลุ่มแคลเซียมโบรอนในช่วงเช้าทุก 10 วัน จะช่วยบำรุงให้ผลมีขนาดใหญ่ สมบูรณ์ตามสายพันธุ์และรสชาติดีด้วย


• ขยายพันธุ์ง่าย ๆ ด้วยการแยกหน่อ หลังจากต้นแม่ให้ผลผลิตแล้วควรตัดทิ้งจนเหลือความสูงเหนือดินปลูก 10-20 เซนติเมตร เพื่อให้หน่อที่แตกใหม่เจริญเติบโตแทนที่ นอกจากนี้สามารถเพิ่มหน่อให้เยอะขึ้นได้ โดยใช้น้ำยาเร่งรากผสมน้ำรดบริเวณโคนต้นเดือนละครั้ง อีกวิธีหนึ่งที่นิยมคือการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ซึ่งช่วยเพิ่มจำนวนต้นอย่างรวดเร็วและสม่ำเสมอ เหมาะสำหรับปลูกเชิงการค้า