เมือกหอยทาก ถูกผลิตมาเพื่อช่วยลดแรงเสียดทานขณะมันคลาน และมีสารที่ช่วยสมานแผลที่เกิดการขูดขีดเสียดสีกับพื้นผิวขรุขระ ซึ่งหากเปลือกของหอยทากได้รับความเสียหาย มันจะใช้น้ำเมือกซ่อมแซมและสร้างเปลือกใหม่ให้ตัวเอง แสดงให้เห็นถึงพลังแห่งการฟื้นฟูอย่างน่าอัศจรรย์ ปัจจุบันจึงมีการนำเมือกหอยทากมาใช้ในอุตสาหกรรมความสวยความงามอย่างแพร่หลาย วันนี้เราจะเผย 4 สรรพคุณอันน่าทึ่งของเมือกหอยทาก
• บำรุงผิว
นักวิทยาศาสตร์ด้านเครื่องสำอางได้ทำการทดลองในห้องปฏิบัติการ พบว่าน้ำเมือกหอยทากสามารถกระตุ้นการสังเคราะห์คอลลาเจน และอีลาสตินในชั้นผิวหนังได้ ซึ่งเป็นนัยสำคัญในการบำรุงผิวหนังให้เต่งตึง ผิวแลดูสดใส ชุ่มชื้น และกระตุ้นการสร้างและผลัดเซลล์ผิว ช่วยให้ผิวใหม่ที่เกิดขึ้นดูกระจ่างใส และมีนักวิจัยได้คิดค้นต่อระบุว่าลักษณะของคอลลาเจน(collagen) และอิลาสติน(Eastin) ที่พบในเมือกหอยทากมีลักษณะคล้ายคลึงกับมนุษย์ และเมือกหอยทากยังมีสารประกอบที่ช่วยซ่อมแซมและบำรุงได้ดีอีกด้วย
สารออกฤทธิ์ที่มีในเมือกหอยทาก
Allantoin เป็นสารต้านการอักเสบและระคายเคืองผิว และยังช่วยเพิ่มปริมาณน้ำในผิวทำให้ผิวชุ่มชิ้น ฟื้นฟูเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพลดริ้วรอยได้ดีพร้อมเร่งการผลิตเซลล์ผิวใหม่ อีกทั้งช่วยควบคุมความมัน เพื่อให้ผิวชุ่มชื้น ป้องกันการระคายเคือง สมานผิว (Skin regeneration)
Protein เป็นอาหารให้กับผิว ปรับสภาพผิว เพื่อให้ผิวกระจ่างใส (Luminosity)
Vitamin A,C,E ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (Skin renewal)
AHA ช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้ว และควบคุมความมัน
Mucopolysaccharides ให้ความชุ่มชื้นกับผิว
Proteolytic enzyme ช่วยรักษาสมดุลของเอนไซม์โปรติเอส
Collagen & Elastin ช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้นเปล่งปลั่ง กระชับ เนียนเด้ง โดยถ้าคู่กับ Elastin จะเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว
Chondroitin Sulfate ช่วยสร้างและเพิ่มพลังงานให้กับผิว
นอกจากคุณประโยชน์ด้านการบำรุงผิวแล้ว สารสกัดจาก “เมือกหอยทาก” (Snail Mucus) ยังมีประโยชน์ทางการแพทย์อีกด้วย
• รักษาแผล
รักษาแผลไฟไหม้ พบว่าคนไข้ที่ทาครีมผสมเมือกหอยทาก วันละ 2 ครั้งทุกวัน ทำให้แผลหายภายใน 14 วัน อีกทั้งเป็นยาสมานแผล มีการทดลองกับกระต่าย พบว่าเมือกหอยทากช่วยสมานแผลที่ผิวหนังได้รวดเร็วภายในระยะเวลาอันสั้น
• เป็นยาชา
ช่วยให้บาดแผลที่ผิวหนังไม่เจ็บ ไม่ทรมาน เพราะมีคุณสมบัติเป็นยาชาเฉพาะจุด สรรพคุณนี้พบได้ในน้ำเมือกของหอยหลายชนิด เช่น หอยทากทะเล
• รักษาทางเดินหายใจ
น้ำเมือกหอยทากสกัด ช่วยกระตุ้นให้กล้ามเนื้อทางเดินหายใจผ่อนคลาย ช่วยให้หายใจโล่งขึ้น อีกทั้งยังรักษาอาการคัดจมูกได้ด้วย
เมือกหอยทาก อันตรายหรือไม่
ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญในการดูแลผิวพรรณ อย่าง นพ.จินดา โรจนเมธินทร์ รองผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง ได้ให้คำอธิบายว่าการเอาเมือกหอยทากมาบำรุงผิวพรรณนั้น มาจากการสังเกตธรรมชาติของตัวหอยทากเองที่สามารถปล่อยเยื่อเมือกออกมาเพื่อสร้างเซลล์ผิวหนังให้งอกขึ้นใหม่เมื่อได้รับการบาดเจ็บ คนเราจึงพยายามศึกษาหาสารที่มีอยู่ในเมือกหอยทากว่าตัวใดที่ช่วยเรื่องการฟื้นฟูสภาพผิว และนำมาผสมเป็นเครื่องสำอางในที่สุด จากนั้นก็ทำการโฆษณาว่าสารสกัดจากตัวหอยทากสามารถช่วยฟื้นฟูผิวได้
ส่วนกรณีที่นำหอยทากสด ๆ มาไต่บนผิวหน้า โดยยึดหลักคุณประโยชน์เดียวกันนั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างพูดยาก เพราะเมือกที่หอยทากปล่อยออกมาเพื่อช่วยซ่อมแซมตัวเองนั้นเราไม่สามารถรู้ได้ว่า มีความเข้มข้นมากน้อยเพียงใด เรื่องความสมดุลของภาวะเป็นกรดเป็นด่าง เหมาะกับผิวของคนเราหรือไม่ อย่าลืมว่า ผิวหนังของคนแตกต่างจากผิวหนังของหอยทากอย่างสิ้นเชิง การตอบสนองย่อมแตกต่างกัน ดังนั้น ตรงนี้ต้องระมัดระวังโดยเฉพาะเรื่องความสะอาดที่แม้แต่การเลี้ยงแบบพิเศษเราก็ไม่สามารถวางใจได้ เพราะที่สกัดมาทำเครื่องสำอางยังต้องผ่านการตรวจสอบหลายกระบวนการ
สิ่งสำคัญเลยคือเรื่องความสะอาด เมือกสดๆ อาจจะไม่ได้เหมาะกับผิวหน้าของคนเรา ซึ่งอาจก่อให้เกิดปฏิกิริยาตอบสนองในทางลบ เช่นเกิดการระคายเคือง ผื่นแดงคัน สิวเห่อ ถ้าหนักมาก ๆ อาจจะแสบ ลอกเป็นขุย ๆ ได้ ยิ่งพอเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเข้าไปตรวจสอบ เบื้องต้นพบว่าในเมือกหอยทากมีเชื้อโคลิฟอร์ม หรือเชื้ออีโคไล ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคท้องร่วงแล้วยิ่งน่าเป็นห่วง เพราะถ้าผิวหนังบริเวณนั้นมีแผลแม้เพียงเล็กน้อยเชื้อโรคเหล่านี้ก็จะสามารถเข้าสู่ร่างกายได้จนทำให้เกิดการติดเชื้อ เป็นหนอง เป็นฝีตามมาได้ ในบางรายอาจรุนแรงถึงขั้นติดเชื้อในกระแสเลือดได้ แต่ปัญหาหลักคือการติดเชื้อที่ผิวมากกว่า
อย่างไรก็ตามควรเลือกผลิตภัณฑ์หรือวิธีการดูแลผิวพรรณที่ได้มาตรฐาน พิสูจน์ได้จริง ไม่ควรหลงเชื่อโฆษณาชวนเชื่อ เพราะผลลัพธ์อาจได้ไม่คุ้มเสีย