เสือโคร่งจัดอยู่ในจำพวกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมและเป็นสัตว์กินเนื้อ โดยมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Panthera tigris อยู่ในวงศ์ Felidae เป็นสัตว์ที่มีขนาดที่สุดในวงศ์นี้ และเป็นเสือชนิดที่ใหญ่ที่สุดด้วย
เสือโคร่งมีอุปนิสัยชอบออกล่าในเวลากลางคืนมากกว่ากลางวัน โดยใช้วิธีซุ่มรอเช่นเดียวกับเสือชนิดอื่นๆและแมวทั่วไป จะอาศัยต้นไม้ใบหญ้าพรางตัวแล้วค่อยๆ ย่องเข้าไปใกล้เหยื่อทางด้านหลังหรือด้านข้าง เมื่อได้จังหวะและระยะที่พอเหมาะก็จะกระโจนเข้าใส่อย่างรวดเร็ว
จุดตายสำคัญที่เสือโคร่งเลือกกัดคือคอ มันจะกัดเข้าที่คอหอยและค้างไว้ให้เหยื่อหายใจไม่ออกจนตาย การกัดที่จุดนี้มีข้อได้เปรียบกว่าการกัดที่จุดอื่นๆ เพราะเป็นตำแหน่งที่ปลอดภัยจากเขาและจากการเตะถีบของเหยื่อ และยังทำให้ง่ายในการบังคับไม่ให้เหยื่อลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ซึ่งเป็นวิธีที่มักใช้กับเหยื่อขนาดใหญ่ เช่น กระทิงหรือกวาง แต่หากเป็นเหยื่อตัวเล็ก เสือมักเลือกที่จะกัดตรงด้านหลังคอที่ตำแหน่งใกล้กะโหลก แรงกัดจะทำให้กระดูกคอแตกและกดเส้นประสาทจนเหยื่อตาย
เสือมีเสียงคำรามที่น่าเกรงขาม ซึ่งเสียงคำรามของเสือนั้นอาจดังไปไกลถึง 2 ไมล์ แต่เสือจะมีเสียงอีกเสียงหนึ่งที่มีความถี่ในระดับต่ำจนมนุษย์ไม่สามารถได้ยินได้ แต่สามารถรู้สึกจนทำให้เรามีความรู้สึกขนลุกได้
เสือถือว่าเป็นหนึ่งในบรรดาสัตว์ที่มีความทรงจำดีเยี่ยม และมีความทรงจำดีกว่ามนุษย์ โดยมีระบบสมองที่เเข็งแรงในการบันทึกความทรงจำ กล่าวคือ ความจำระยะสั้นของเสือนั้นยาวนานกว่ามนุษย์ประมาณ 30 วินาที
เสือ จัดเป็นสัตว์ป่าที่กำลังใกล้สูญพันธุ์ เนื่องจากมีจำนวนประชากรในธรรมชาติที่ลดลงถึง 97% ภายในช่วงไม่กี่ร้อยปีที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันเชื่อว่าประชากรเสือโคร่งทั่วโลกเหลือเพียง 3,200 ตัวเท่านั้น สำหรับประชากรเสือโคร่งในประเทศไทยมีอยู่ประมาณ 200 - 250 ตัว พบมากที่สุดในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง รองลงมาคือ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร อุทยานแห่งชาติปางสีดา และอุทยานแห่งชาติทับลาน
การประชุมเสือโคร่งโลก (Tiger Summit) เพื่อให้คนทั้งโลกได้ตระหนักถึงความสำคัญของเสือโคร่งและการปกป้องถิ่นที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติ ตลอดจนการสนับสนุนโครงการอนุรักษ์พันธุ์เสือโคร่งด้วย