กระเป๋าเดินทางเป็นไอเทมชิ้นสำคัญที่ไม่มีไม่ได้ เพราะในการเดินทางแต่ละครั้ง จำเป็นต้องนำกระเป๋าเดินทางติดตัวไปด้วยเสมอ แต่จะเลือกกระเป๋าเดินทางอย่างไรให้เหมาะสมกับทริปและสไตล์การท่องเที่ยวมากที่สุดล่ะ บทความนี้มีคำตอบมาฝากกันค่า
1. เลือกขนาดกระเป๋าเดินทางให้เหมาะกับจำนวนวัน
เลือกขนาดของกระเป๋าเดินทางให้เหมาะสมกับสิ่งของที่จะใส่และระยะเวลาที่จะไปเที่ยว แน่นอนว่ากระเป๋าใบใหญ่จะเหมาะกับการท่องเที่ยวเป็นระยะเวลานาน เพราะสามารถจุของได้มาก
• ทริป 1 - 3 วัน ควรใช้กระเป๋าเดินทางขนาด 16 - 21 นิ้ว
การเดินทาง 1 - 2 วัน อาจเป็นทริปด่วน ทริปเร่งรีบ หรือการเดินทางไปติดต่อธุรกิจที่ไม่มีโอกาสได้ซื้อของฝาก ของที่ระลึกหรือแวะช้อปปิ้งก่อนกลับได้มากนัก จึงควรเลือกกระเป๋าเดินทางขนาดเล็ก เน้นความคล่องตัวเอาไว้ก่อน เลือกแพ็คแต่ของที่จำเป็น พร้อมเดินขึ้นเครื่องแบบชิลล์ ๆ ได้เลย
• ทริป 3 - 7 วัน ควรใช้กระเป๋าเดินทางขนาด 24 - 26 นิ้ว
การเดินทาง 3 - 7 วัน หรือเป็นสัปดาห์แบบนี้ ควรเตรียมกระเป๋าใบใหญ่และโหลดลงใต้เครื่องไปเลยแบบไม่ต้องคิดมาก เพื่อให้เที่ยวได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกังวลเรื่องจำนวนเสื้อผ้า จุได้เน้น ๆ เหลือ ๆ เพียงพอสำหรับใส่เสื้อผ้าสัมภาระ และของช้อปของฝากกลับมาด้วยค่า
• ทริป 7 - 10 วัน ควรใช้กระเป๋าเดินทางขนาด 28 - 30 นิ้ว
การเดินทางระยะยาว หรือเดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศที่มีอากาศหนาวเย็น ควรใช้กระเป๋าไซด์ใหญ่ตั้งแต่ขนาด 28 - 30 นิ้ว สำหรับจุเสื้อโค้ตสวย ๆ หนา ๆ ไปถ่ายรูปกัน
2. เลือกคุณภาพล้อของกระเป๋าเดินทาง
แนะนำเป็นล้อคู่ 4 ล้อ เพราะว่าเข็นง่ายกว่า 2 ล้อ และใช้แรงในการเข็นน้อยกว่า เวลาเดินทางจะได้ไม่เหนื่อยมาก ล้อไม่สูงจากพื้นมากเกินไป เนื่องจากล้อยิ่งสูง ยิ่งมีโอกาสที่จะหักจากแรงสั่นหรือกระแทกมากขึ้นไปด้วย (วิธีทดสอบล้อ คือ ผลักกระเป๋าไปตรง ๆ ให้วิ่งไปสัก 5 - 6 เมตร บนพื้นเรียบ กระเป๋าควรวิ่งเป็นแนวตรง ไม่เลี้ยวไปมา ต่อมาจับหมุน 360 องศา ซัก 2 - 3 รอบ ถ้าล้อดีจะหมุนได้ 2 - 3 รอบแบบสบายๆ)
3. เลือกประเภทและวัสดุของกระเป๋าเดินทาง
กระเป๋าเดินทางสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือ ชนิดแข็ง (Hard Case) และ ชนิดผ้า (Soft Case) เลือกแบบไหนดีที่สุด อันนี้อยู่ที่ความชอบ
• Hard Case ตัวถังทำจากพลาสติกแข็ง คงทน เหมาะสำหรับใส่สัมภาระที่ต้องการให้อยู่เป็นรูปทรง ป้องกันของข้างในไม่ให้เสียหายหรือแตกได้ง่าย ๆ แต่ข้อเสียคือค่อนข้างหนัก
• Soft Case ตัวถังทำจากผ้า ยืดหยุ่นขยายได้ มีน้ำหนักเบากว่าแบบชนิดแข็ง แต่ข้อเสียคือสัมภาระข้างในอาจเสียหายชำรุดได้ง่าย รวมถึงกระเป๋าอาจขาดได้ถ้าหากใส่สัมภาระมากเกินไป
4. ช่องใส่ของ
แน่นอนว่ากระเป๋าเดินทางแบบผ้า จะมีช่องใส่ของเยอะกว่ากระเป๋าเดินทางแบบพลาสติกแข็ง ๆ เพราะลักษณะโครงสร้างของกระเป๋าแบบแข็งไม่เอื้อต่อการมีช่องใส่ของได้มากมายนัก รวมถึงช่องใส่ของด้านนอกด้วย จึงควรพิจารณาว่ามีสิ่งของที่จะใส่ลงไปในกระเป๋ามากเท่าไหร่ ชอบซื้อของช้อปปิ้งเพิ่มจนกระเป๋าล้นหรือไม่ หรือเป็นคนที่ชอบจัดแจงสิ่งของให้เป็นระเบียบหรือไม่ เพื่อให้ตรงไลฟ์สไตล์มากที่สุด
5. เลือกกระเป๋าเดินทางให้เหมาะกับสถานที่
วิธีเลือกกระเป๋าเดินทางนอกจากต้องกังวลเรื่องขนาด ชนิดวัสดุ และความสวยงามแล้ว ควรคำนึงถึงสถานที่และสภาพอากาศของที่ที่เดินทางไปกันด้วยนะ ว่าเหมาะกับการใช้กระเป๋าเดินทางแบบไหน? สำหรับเพื่อน ๆ ที่เดินทางไปชอปปิ้งเที่ยวญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ เวียดนาม จีน ทริประยะสั้น ๆ แบบนี้ก็สามารถใช้กระเป๋าล้อลากได้สบาย ๆ หรือเพื่อน ๆ คนไหนเดินทางไปเที่ยวกับทัวร์ก็สามารถเลือกใช้กระเป๋าเดินทางแบบล้อลากได้เช่นกัน เพราะมีรถทัวร์และพนักงานคอยบริการนั่นเอง ใครมีแพลนไปเที่ยวภูเขา เที่ยวป่า ในโซนภาคเหนือ หรือบินลัดฟ้าไปชมหิมะต่างแดน แนะนำให้ใช้เป็นกระเป๋าเป้สะพายแบบ Backpack เป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพราะสามารถทำอะไรได้คล่องตัวกว่ามาก จะเดินลากกระเป๋าบนทางเดินที่เต็มไปด้วยหิมะ ดูไม่น่าจะรอด! ที่สำคัญไม่ควรเลือกใช้กระเป๋าแบบผ้า เพราะมันจะเปียกชื้นง่ายมาก ๆ แนะนำให้ใช้กระเป๋าเดินทางแบบกันน้ำเหมาะสมกว่านะคะ
เป็นยังไงบ้างคะ กับทริคการเลือกกระเป๋าเดินทางอย่างไรให้เหมาะสมกับการเดินทาง หวังว่าแนวทางที่นำมาฝากจะเป็นไอเดียในการตัดสินใจเลือกซื้อกระเป๋าเดินทางได้บ้าง กระเป๋าเดินทางก็เหมือนเพื่อนคู่ใจ เลือกใบที่คิดว่าใช่ ใช้แล้วสะดวกสบาย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคุณ สุดท้ายนี้ ขอให้ทุกท่านมีความสุขในการเดินทางและเดินทางปลอดภัยกันนะคะ!