การเล่นมือถือหลังตื่นนอนทันที่นั้นไม่ได้ทำให้ร่างกายคุณแอคทีฟพร้อมรับวันใหม่เท่าที่ควร เพราะคุณมัวแต่ห่วงเรื่องการตอบแชตหรือแม้กระทั่งการโลดแล่นบนโลกโซเชียล บางครั้งก็เพลินมากจนกินเวลาช่วงเช้าของคุณนานเกินความจำเป็น กลายเป็นว่าการลุกออกจากเตียงของคุณนั้นช่างยากเย็นเหลือเกิน และเราคิดว่านั่นไม่ใช่การเริ่มต้นวันที่ดีเท่าไร
เพราะฉะนั้นหลังตื่นนอนแนะนำว่าควรอยู่ให้ห่างมือถือไว้ก่อนและทำ 5 ขั้นตอนต่อไปนี้ ที่จะเสียเวลาไม่มาก แต่จะช่วยทำให้สมองและร่างกายของคุณเฟรช ลดความขี้เกียจเอื่อยเฉื่อยของวัน ให้การทำงานของคุณวันนั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น
1.เตรียมตัวสำหรับเช้าวันใหม่ในคืนนี้เลย
ก่อนนอนทุกคืนควรเว้นห่างจากหน้าจอ (สมาร์ตโฟน แท็ปเล็ต หรือโทรทัศน์) อย่างน้อย ๆ สัก 30 นาที แล้วใช้เวลาอยู่กับตัวเอง ถ้าเป็นคนที่ชอบจดบันทึกก็ทำตอนนี้ วางแผนไว้สำหรับพรุ่งนี้ด้วย ทั้งเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องงาน ถ้าใครไม่ชอบเขียน อย่างน้อย ๆ ก็ให้นึกไว้ในหัวว่าพรุ่งนี้เช้าตื่นมาจะทำอะไรก่อนเป็นอันดับแรก
การทำในลักษณะนี้เหมือนเป็นการบังคับตัวเองให้เลือกแล้วว่าอะไรคือสิ่งสำคัญ เพราะไม่ต้องบอกก็ทราบดีว่าเราไม่มีทางทำทุกอย่างได้ในแต่ละวัน ยกตัวอย่างง่าย ๆ "เดี๋ยวพรุ่งนี้วิ่งสัก 5 กิโลเมตร" กับ "พรุ่งนี้ตอน 8 โมงจะไปวิ่ง 5 กิโลฯ รอบหมู่บ้าน" ประโยคแรกที่ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นไหม ส่วนประโยคหลังมีความตั้งใจใส่เข้าไปแล้ว การวางแผนไว้ก่อนนั้นช่วยทำให้เช้าวันต่อมาเป็นวันที่ได้ทำในสิ่งที่เราควรจะทำจริง ๆ
2. ยืดเส้นยืดสาย บิดขี้เกียจ
หลังจากได้ยินเสียงนาฬิกา(เลิกใช้โทรศัพท์มือถือในการตั้งนาฬิกาปลุก) ให้คุณบิดขี้เกียจ ยืดเส้นยืดสายสักนิด เพราะช่วงที่เราหลับตลอดคืนนั้น ร่างกายอยู่ในท่าเดิมเป็นเวลานานๆ อาจจะเกิดอาการตึงๆ หรือรู้สึกเมื่อยตัว การบิดขี้เกียจหลังตื่นนอนจึงช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ตึงให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ
และเป็นการปลุกให้ร่างกายตื่นตัว รวมถึงการบิดขี้เกียจยังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดด้วย โดยปกติแล้วอัตราการเต้นของหัวใจจะต่ำสุดในช่วงเวลาก่อนตื่นนอน การยืดเส้นยืดสายจึงช่วยไปกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนไปยังกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ได้เร็วขึ้น ทำให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดวัน
3. สูดหายใจให้ลึก
การหายใจเข้า-ออกยาวๆ เหมือนเป็นตั้งสติ ปลุกร่างกาย เพื่อเตรียมความพร้อมในการเริ่มต้นวันใหม่ ไม่ว่าวันนั้นคุณจะมีภารกิจมากมาย หรืออาจจะเป็นวันหยุดของคุณก็ตาม นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นความคิด ดึงโฟกัสและสมาธิของคุณกลับมาหลังตื่นนอน สลัดความงัวเงียในตอนเช้าออก
3.อยู่ห่าง ๆ หน้าจอสักชั่วโมง
มันเป็นเรื่องง่ายมากเลยที่จะหยิบมือถือขึ้นมาดูตั้งแต่วินาทีแรกของวันและจมอยู่กับมันตรงนั้นเป็นชั่วโมง ๆ จริงอยู่ว่าการดูวิดีโอตลก ๆ บนยูทูป ติดตามข่าวสารของโลกบนเฟซบุ๊ก หรือไถวีดีโอสนุก ๆ บนติ๊กต๊อก จะทำให้เรามีความสุขและยิ้มได้ เพราะสารโดปามีนที่หลั่งในสมองทุกครั้งที่เราเห็น Notification หรืออะไรก็ตามที่เราสนใจ แต่เราทราบดีว่าเมื่อเราหยิบขึ้นมาแล้วมันยากขนาดไหนที่จะวางลง เราจะติดอยู่ในห่วงของคอนเทนต์ที่ไม่รู้จบ
งานวิจัยของ โรเบิร์ต เอ็มมอนส์ (Robert Emmons) นักจิตวิทยาที่ University of California Davis กล่าวว่า สื่งที่เพิ่มความสุขและความพึงพอใจในชีวิตของเราคือเรื่องของ ‘การขอบคุณ’ เขาแนะนำว่าให้ลองจดสิ่งที่เรารู้สึกขอบคุณ อาจจะเป็นเรื่องสั้น ๆ ไม่ต้องยาวมาก ถามตัวเองว่า "วันนี้มีอะไรที่เรารู้สึกขอบคุณบ้าง?" ถ้าใครที่ไม่ชอบจดบันทึกก็อาจจะพูดกับตัวเอง หรือคิดในหัวก็ได้เช่นกัน อาจจะฟังดูไร้สาระและมีคนบอกให้คุณลองมาแล้วหลายต่อหลายครั้งจนน่าเบื่อ แต่ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะมันช่วยได้จริง ๆ
4.ตื่นเช้ามาให้ลองหากิจกรรมอย่างอื่นทำ
แน่นอนว่า หากไม่อยากหยิบมือถือขึ้นมาเช็กเป็นอย่างแรกล่ะก็ เราต้องฝึกให้สมองคุ้นชินกับการทำกิจกรรมอย่างอื่นที่ช่วยฝึกให้สมองถูกกระตุ้นไม่มากเกินไป หรือทำสิ่งที่น่าสนใจมากกว่าการเล่นมือถือแทน เช่น ตื่นเช้ามาอาจจะดื่มน้ำสะอาดแก้วโต ๆ สักแก้ว จ็อกกิ้งเบา ๆ หรือไปอาบน้ำ กระทั่งทำอาหารเช้า เพื่อปลุกสมอง และร่างกายให้ตื่นตัวอย่างเต็มที่
5.วันนี้ต้องทำอะไรบ้าง
ถ้าใครวางแผนมาตั้งแต่เมื่อคืน (ข้อหนึ่ง) อันนี้จะใช้เวลาไม่นานมาก ตื่นมาเสร็จปุ๊บก็เอาสิ่งที่วางแผนเอาไว้มานั่งดูอีกรอบว่าต้องทำอย่างไรต่อ หยิบโน้ตที่จดเอาไว้มาดู แก้ไขและจัดลำดับสิ่งที่สำคัญที่สุดไว้เป็นอันดับแรก อย่าพยายามทำทุกอย่าง ทำสิ่งที่สำคัญที่สุดก่อนแล้วค่อย ๆ ไล่ลำดับความสำคัญลงมาเรื่อย ๆ เพราะถ้าเราเขียนทุกอย่างลงไปว่าวันนี้ต้องทำอะไรบ้าง สมองจะหลุดโฟกัสได้ง่าย ทำให้งานในแต่ละวันนั้นออกมาไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร