เมื่อคุณเดินไปตามริมน้ำ คุณจะได้ยินเสียง “บี๊บๆ” จากนั้นภาพเบลอสีฟ้าสดใสก็ลากผ่านตาไปด้วยความเร็วสูง ซึ้งนกกระเต็นสีฟ้าที่มีจำนวนเยอะมากที่สุด ก็คือ “นกกระเต็น” นั่นเอง
นกกระเต็นสามัญเป็นสัตว์ป่าบนบกที่มีคุณค่าทางนิเวศวิทยา วิทยาศาสตร์ และสังคมเป็นอย่างมาก มักอาศัยอยู่ในแหล่งน้ำที่มีพุ่มไม้หรือป่าโปร่ง ลำธาร ทะเลสาบ และคลองชลประทาน มันกระจายอยู่ทั่วโลก
มาทำความรู้จักกับนกกระเต็นกันดีกว่า
⑴ ไม่ใช่แค่สีฟ้าเท่านั้นนะ
การอธิบายลักษณะของนกกระเต็นนั้นค่อนข้างยุ่งยากเนื่องจากขนที่มีสีสันมาก ในบันทึกทางสัตววิทยาและนกนำทาง โดยทั่วไปจะสรุปได้ว่าเป็นนกตัวเล็กที่มีส่วนบนสีน้ำเงินและส่วนล่างเป็นสีส้ม หัวใหญ่ และเท้าเล็ก วัดได้เพียงประมาณ 15 เซนติเมตรรวมปากนก
โดยเฉพาะขนหัว หลัง ปีก และหางของนกกระเต็นทั่วไปนั้นเป็นสีน้ำเงินทั้งหมด โดยสีจะสดใสเป็นพิเศษตั้งแต่ขนหลังจนถึงขนหาง แวววาวด้วยสีฟ้าสดใสเป็นโลหะ แม้ว่าสีฟ้าบนหัวและปีกอาจไม่สดใสนัก แต่ก็มีจุดสีฟ้าสดใสหลายจุด แผ่นปิดหูสีส้มและแผ่นคอสีขาวบนศีรษะ จะสังเกตเห็นได้ชัดเจนเป็นพิเศษ คอเป็นสีขาว แต่หน้าอกและหน้าท้องเป็นสีส้ม
⑵ การระบุเพศด้วยจะงอยปาก
จะงอยปากของนกประกอบด้วยส่วนบนและส่วนล่างเรียกว่าจงอยปากบนและล่างตามลำดับ ในนกกระเต็นทั่วไป ปากทั้งบนและล่างของตัวผู้จะเป็นสีดำ ในขณะที่ฐานล่างของตัวเมียจะงอยปากเป็นสีส้มแดงเป็นส่วนใหญ่
⑶ การรอเหยื่อ
นกกระเต็นทั่วไปกินปลาประมาณ 60% ของน้ำหนักตัวทุกวัน พวกมันมักจะเกาะอยู่ริมน้ำเป็นเวลานาน โดยเกาะบนกิ่งก้านไม้ ฝักบัวหรือแท่นหินบนฝั่ง
เมื่อเจอเหยื่อแล้ว พวกมันจะพุ่งไวราวกับลูกศร กระโดดลงไปในน้ำ จับปลา และรีบกลับไปยังรัง ทั้งหมดนี้แทบจะจบในพริบตาเดียว เมื่อลงสู่น้ำ นกกระเต็นสามารถรักษาการมองเห็นที่ยอดเยี่ยม โดยปรับให้เข้ากับแสงใต้น้ำได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามถึงมันจะรวดเร็วเเต่ก็มักพลาดท่าบ่อยๆ
⑷ นิสัยการกิน
แม้ว่านกกระเต็นจะเป็นสัตว์กินเนื้อ แต่พวกมันไม่มีจะงอยปากที่แหลมคมและกรงเล็บสำหรับฉีกเหยื่อออกจากกัน
ดังนั้น หลังจากจับปลาได้แล้ว นกกระเต็นธรรมดาจะฟาดเหยื่อให้สลบก่อนที่จะกลืนเหยื่อลงท้อง ซึ่งปลาและกุ้งเป็นอาหารหลักในอาหารของนกกระเต็น
นกกระเต็นพันธุ์ใหญ่บางสายพันธุ์ เช่น นกกระเต็นคิ้วขาว นกกระเต็นอกขาว และนกกระเต็นปากนกกระสา ยังล่าเหยื่อของสัตว์ขาปล้อง สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำขนาดเล็ก และสัตว์เลื้อยคลาน แม้กระทั่งลูกนกและสัตว์ฟันแทะอีกด้วย
⑸ การทำรังในหลุม
นกกระเต็นทั่วไปขุดหลุมดินเหนียวริมน้ำเพื่อสร้างบ้าน ซึ่งโดยทั่วไปมีความลึกประมาณ 60 เซนติเมตร รังดังกล่าวช่วยป้องกันผู้ล่าได้ดีขึ้น นอกจากนี้ เท้าของนกกระเต็นยังอ่อนแอและมีความสามารถในการจับเพียงเล็กน้อย ทำให้ไม่สามารถรวบรวมวัสดุที่ทำรังด้วยกรงเล็บของมันได้
อย่างไรก็ตาม จะงอยปากที่ยาวและแข็งแรงทำให้การขุดหลุมในดินทำได้ค่อนข้างง่าย หลังจากที่ลูกนกฟักออกมาแล้ว นกกระเต็นที่โตเต็มวัยจะออกรังหลายครั้งต่อวันเพื่อจับปลาเพื่อเป็นอาหาร รังนกจะไม่ค่อยเเน่นหนาและเต็มไปอาหารของลูกนก มันจะสำลักกระดูกปลา เปลือกกุ้ง ให้ลูกนก โดยรังนกถูกขนานนามว่า "เตียงหนาม"
⑹ การปรับตัว
นกกระเต็นสามัญ แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวที่เก่งและสามารถเจริญเติบโตได้ในพื้นที่ที่มีมนุษย์อาศัยอยู่ พบได้ทุกที่ที่มีเเหล่งน้ำ แม้ว่าจะไม่ตื้นมากนักก็ตาม ส่วนใหญ่จะพบเจอนกกระเต็นได้ในเเหล่งน้ำธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์
ดังนั้นการนกกระเต็นสามัญยังอยู่ในพื้นที่เเหล่งน้ำทำให้สามารถเจอพวกมันได้ง่าย นกกระเต็นทั่วไปยังชอบบินและร้องเมื่อบินในระดับความสูงต่ำ เช่น บินผ่านผิวน้ำหรือผ่านชายฝั่งบ่อยครั้ง
ดังนั้นเมื่อคุณได้ยินเสียงบี๊บแหลมๆ ริมน้ำ คุณจะเห็นเหมือน "สายฟ้าสีน้ำเงินลูกเล็กๆ" ผ่านตาไป คุณอาจพบพวกมันใกล้ๆคุณได้ โดยทั่วไปนั้นหลังจากบินมาเกาะกิ่งไม้หรือโขดหินเเล้ว พวกมันจะพักผ่อนอย่างเงียบๆ ดูเหมือนจะอยู่ให้คุณสังเกตและถ่ายรูปได้อีกด้วย
⑺ ขวัญใจนักถ่ายภาพ
การถ่ายรูปนกกระเต็นบินโฉบเฉี่ยวริมน้ำเพื่อจับปลาเป็นความฝันของช่างภาพหลายคน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากนกกระเต็นดำน้ำอย่างรวดเร็ว การจับภาพช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นนี้จึงเป็นเรื่องท้าทาย เว้นแต่คุณจะโชคดีเป็นพิเศษ
เเต่น่าเสียดายภาพถ่ายที่น่าทึ่งส่วนใหญ่ที่เราเห็นมักเป็นการจัดฉาก โดยมีผืนน้ำเล็กๆ ในถิ่นที่อยู่ของนกกระเต็นถูกแยกออกจากกันด้วยอวน และมีปลาตัวเล็กจำนวนมากถูกปล่อยลงไปในนั้น จากนั้นจึงทำการรอถ่ายในบริเวณนั้น แม้ว่าการจัดฉากจะไม่ผิดกฎหมาย แต่ก็ส่งผลกระทบต่อนิสัยและระบบนิเวศดั้งเดิมของสัตว์ป่า และสัตว์ต่างๆ ก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของฉากเทียม ฉะนั้นเราเป็นนักถ่ายที่ดีได้ เพื่อรัเป็นการรักษาระบบนิเวศน์ของธรรมชาติและสัตว์ป่าให้อยู่กับเรานานแสนนาน