ไขปริศนาในอดีต กว่า 500 ปีที่เกี่ยวกับต้นกำเนิดของอัลปาก้า


เมื่อไม่นานมานี้มีข่าวดังไปทั่วโลก! “พบแอนติบอดี้ในอัลปาก้าที่สามารถรักษาโควิด-19 ได้” รูปอัลปาก้าน้อยได้เป็นกระเเสในโลกออนไลน์ ชาวเน็ตทุกคนต่างพูดว่า "ครั้งนี้เเหละอัลปาก้าจะช่วยกอบกู้โลก"


มีคำถามมากมาย สำหรับสัตว์น่ารักขนปุกปุยอย่างอัลปาก้า ว่ามันคือเเกะหรืออูฐกันนะ


เมื่อได้ยินชื่ออัลปาก้า ก็ชวนให้นึกถึงรูปร่างหน้าตาของอูฐหรือแกะ


ในความจริงเเล้วนั้น อัลปาก้ามีความคล้ายคลึงกับอูฐอยู่เหมือนกัน เช่น คอยาว กีบเนื้อ หรือลักษณะท่าทางการเดินที่คล้ายกัน เเละการกักตุนน้ำไว้ที่หนอกก็ทำให้มันอยู่ได้หลายวัน เเละพวกมันยังถูกเรียกภาษาท้องถิ่นว่า "อูฐอเมริกัน"


เมื่อได้ศึกษาอย่างละเอียด ได้พบว่ารูปร่างและโครงสร้างของพวกมันแตกต่างจากอูฐเป็นอย่างมาก ทั้งร่างกายมีขนาดเล็กกว่า ไม่มีโหนกที่หลัง มีขาที่ยาวและมีกีบโค้งแหลมคมที่ด้านหน้า ใบหน้าแคบ หูยาวแหลม ดวงตาโตและรูปลักษณ์ที่สง่างาม


ทั้งหางสั้น ขนยาว ลักษณะเด่นของพวกมันคือนิ้วเท้า นิ้วเท้าที่มีลักษณะแยกออกจากกันมากกว่าอูฐ ทำให้พวกมันเดินในสภาพพื้นที่ที่เป็นหินและยังสามารถว่ายน้ำได้อีกด้วย


ความจริงเเล้วนั้นอัลปาก้าเป็นลูกหลานของอูฐ!!


ห้าสิบล้านปีก่อน อูฐที่อาศัยอยู่ในอเมริกาเหนือได้ออกเดินทางสำรวจทวีปนี้เนื่องจากระดับน้ำทะเลลดลง เเต่ว่าพวกมันก็เเบ่งออกเป็นกลุ่ม


กลุ่มหนึ่งข้ามช่องแคบแบริ่งจากอเมริกาเหนือไปยังเอเชีย มันคืออูฐสองหนอกที่เราคุ้นเคยกันนั่นเองเช่นเดียวกับอูฐหนอกแห่งแอฟริกา


อีกกลุ่มหนึ่งจากอเมริกาเหนืออพยพไปทางใต้ พวกมันไปถึงเทือกเขาแอนดีสในอเมริกาใต้ จึงเป็นต้นกำเนิดของบรรพบุรุษของอูฐในอเมริกาใต้ นั่นก็คือ กัวนาคอส


ในบรรดาตระกูลอูฐของอเมริกาใต้ ได้แก่ กัวนาคอส ซึ่งมีพี่น้องตระกูลเดียวกัน ได้แก่ อัลปาก้า ลามะ วิคูญาส และกัวนาโค เเต่มีเพียงอัลปาก้าเท่านั้นที่กลายเป็นสัตว์เลี้ยงของมนุษย์


มีการถกเถียงกันเป็นปัญหาระดับชาติถึงการกำเนิดของอัลปาก้า ว่ามันมาจากสัตว์ชนิดใดกันเเน่ โดยมีการศึกษาทางโบราณคดีและสัณฐานวิทยาที่ชี้ให้เห็นว่าอัลปาก้าอาจเป็นลูกผสมจาก วิคูญาส ลามะ หรือลูกผสมของกัวนาโคและลามะ


มีงานวิจัย ได้ศึกษาว่าอัลปาก้าอาจมีต้นกำเนิดมาจากลามะ ส่วนกัวนาโคมีต้นกำเนิดมาจากวิคูญาส


เมื่อห้าร้อยปีที่แล้ว ได้มีชาวสเปนเดินทางมาที่อเมริกาใต้ นั่นก็คือน้องชายโคลัมบัส ได้พบว่ามีอัลปาก้าจำนวนมาก อยู่ในพื้นที่หลบภัยที่ราบสูงอัลติพลาโน ซึ่งไม่เหมาะสมสำหรับการอยู่อาศัยของมนุษย์ อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่างสายพันธุ์อูฐและพันธุ์ผสมของพวกมันได้


อัลปาก้าเป็นสัตว์สังคมที่ฉลาดมาก เดิมเลี้ยงในภูมิภาคแอนเดียน มีทั้งพันธุ์ใหญ่และพันธุ์เล็ก อัลปาก้าตัวเล็กอาศัยอยู่ในพื้นที่สูงเเละการคมนาคมที่ลำบาก เเละขนคุณภาพดีของมันได้กลายเป็นเป็นวัตถุดิบสำคัญของสิ่งทอโมเช่


อัลปาก้าสายพันธุ์ใหญ่นี้เดิมเป็นสัตว์ที่ราบสูงและต่อมาได้ขยายพันธุ์ในพื้นที่ชายฝั่งทางตอนเหนือของเปรู มันเป็นสัตว์ที่ถูกลี้ยงไว้เเบกสินค้าในบริเวณนี้ มักใช้มันเเบกของขายระหว่างพื้นที่ที่ราบสูงกับชายฝั่ง รวมถึงการเดินทางจากภูเขาไปยังลุ่มน้ำอเมซอน


ประวัติความเป็นมาของอูฐในอเมริกาใต้นั้นต้องย้อนกลับไปถึงสองพันปี ตามทฤษฎีสมัยใหม่ได้กล่าวว่าได้มีการเพาะพันธุ์อัลปาก้าขนาดเล็กเมื่อประมาณหกถึงเจ็ดพันปีก่อน เเละการเพาะพันธุ์อัลปาก้าสิ้นสุดในช่วงจักรวรรดิอินคาในศตวรรษที่ 11 และ 12


ในช่วงเวลานี้ การเพาะพันธุ์อัลปาก้าสายพันธุ์ขนาดใหญ่และขนาดเล็กนั้น ได้รับการดูเเลโดยสถาบันพิเศษของรัฐ อัลปาก้าได้กลายเป็นสัตว์ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในช่วงเวลานั้น และการคัดเลือกสายพันธุ์ มีเป้าหมายเพื่อผลิตขนที่มีคุณภาพและสายพันธุ์ที่ดี


ในขณะเดียวกัน สเปนกระตือรือร้นในการสำรวจเเละค้นคว้าสิ่งต่างๆมากมาย เเต่เขาไม่รู้เลยว่าเขาได้ พังทลายความพยายามของชาวอินคาไปด้วย หลังการรุกรานของสเปนนั้นจำนวนอัลปาก้าได้ลดน้อยลงเป็นอย่างมาก


ในเวลาเพียง 100 ปี อัลปาก้าในสเปนลดจำนวนลง 90% โดยแทนที่ด้วยแกะ วัว และม้า โครงการปรับปรุงพันธุ์ดำเนินไปเป็นเวลาหลายร้อยปีเเต่มันก็เทียบยุคอินคาไม่ได้เลยสักนิด ซึ่งอัลปาก้านั้นก็เป็นสัตว์ทางความเชื่อและวัฒนธรรมของชาวอินคาอีกด้วย


ปัจจุบัน อัลปาก้าได้รับความสนใจอย่างมากในเวทีระดับโลก เเต่อย่างไรก็ตามหลายๆคนชอบเข้าใจผิดว่าเจ้าขนปุยหน้าตาบ๊องเเบ๊วเป็นเเกะมาโดยตลอด