สายตาสั้นเป็นข้อผิดพลาดในการหักเหของแสงที่พบบ่อยซึ่งส่งผลต่อการมองเห็นของผู้คนนับล้านทั่วโลก


เป็นภาวะที่ดวงตาไม่สามารถโฟกัสแสงได้อย่างเหมาะสม ส่งผลให้มองเห็นระยะไกลไม่ชัดแต่มองเห็นในระยะใกล้ได้ชัดเจน


สายตาสั้นสามารถเกิดขึ้นได้ทุกช่วงอายุ แต่โดยทั่วไปจะเกิดขึ้นครั้งแรกในช่วงวัยเด็ก และอาจเกิดขึ้นได้จนถึงช่วงวัยรุ่นตอนปลายหรือช่วงอายุ 20 ต้นๆ


สาเหตุที่แท้จริงของภาวะสายตาสั้นยังไม่เป็นที่เข้าใจแน่ชัด แต่เชื่อกันว่าเกิดจากปัจจัยทางพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อมรวมกัน หากพ่อแม่คนใดคนหนึ่งหรือทั้งสองคนมีสายตาสั้น ก็มีโอกาสสูงที่ลูก ๆ ของพวกเขาจะมีอาการสายตาสั้นเช่นกัน


นอกจากนี้ ปัจจัยต่างๆ เช่น การอ่านหนังสือหรือทำงานใกล้ชิดเป็นเวลานาน การไม่ได้ใช้เวลานอกบ้านเพียงพอ และสภาวะทางการแพทย์บางประการ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะสายตาสั้นได้


สายตาสั้นสามารถวินิจฉัยได้ด้วยการตรวจสายตาที่ครอบคลุม ซึ่งรวมถึงการทดสอบการมองเห็น การทดสอบการหักเหของแสง และการประเมินโครงสร้างและการทำงานของดวงตา


การรักษาสายตาสั้นอาจรวมถึงการใส่แว่นสายตาหรือคอนแทคเลนส์เพื่อปรับปรุงการมองเห็นระยะไกล หรือการผ่าตัดแก้ไขสายตาผิดปกติ เช่น เลสิค เพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดของการหักเหของแสงอย่างถาวร


นอกจากนี้ บางคนอาจได้รับประโยชน์จาก orthokeratology ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสวมคอนแทคเลนส์แบบพิเศษข้ามคืนเพื่อปรับรูปร่างกระจกตาและปรับปรุงการมองเห็นในระหว่างวัน


หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษา สายตาสั้นอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อน เช่น จอประสาทตาเสื่อม จอประสาทตาหลุด และต้อหิน


สิ่งสำคัญคือต้องมีการตรวจตาเป็นประจำและเข้ารับการรักษาหากคุณพบอาการของสายตาสั้น


แม้ว่าจะไม่มีวิธีที่รับประกันว่าจะป้องกันภาวะสายตาสั้นได้ แต่ก็มีหลายขั้นตอนที่สามารถทำได้เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะสายตาสั้นหรือชะลอการลุกลามของภาวะสายตาสั้น ซึ่งรวมถึง:


1. การใช้เวลาอยู่กลางแจ้ง: ผลการศึกษาพบว่าการใช้เวลาอยู่กลางแจ้ง โดยเฉพาะในวัยเด็ก มีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะสายตาสั้นลดลง


การใช้เวลานอกบ้านอย่างน้อยสองชั่วโมงต่อวันสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะสายตาสั้นได้


2. ฝึกนิสัยดวงตาที่ดี: การหยุดพักเมื่อทำงานใกล้ชิด เช่น อ่านหนังสือหรือใช้คอมพิวเตอร์ สามารถช่วยลดอาการปวดตาและความเมื่อยล้าได้


American Optometric Association แนะนำให้ปฏิบัติตามกฎ 20-20-20: พัก 20 วินาทีทุกๆ 20 นาที และมองออกไป 20 ฟุต


3. การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ: การรับประทานอาหารที่อุดมด้วยวิตามินและสารอาหาร โดยเฉพาะวิตามินดี อาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะสายตาสั้นได้ อาหารเช่นผักใบเขียว ปลา นมเสริม และซีเรียลเป็นแหล่งวิตามินดีที่ดี


4. การตรวจสายตาเป็นประจำ: การตรวจสายตาเป็นประจำสามารถช่วยตรวจพบภาวะสายตาสั้นได้ตั้งแต่เนิ่นๆ และติดตามความก้าวหน้าได้


ขอแนะนำให้เด็กๆ ตรวจสายตาอย่างละเอียดครั้งแรกเมื่ออายุได้ 6 เดือน ตามด้วยการตรวจตาเมื่ออายุ 3 ขวบ ก่อนเริ่มเรียน และหลังจากนั้นทุกปี


โดยสรุป แม้ว่าจะไม่มีวิธีที่แน่นอนในการป้องกันภาวะสายตาสั้น แต่สิ่งเหล่านี้สามารถทำได้เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะสายตาสั้นหรือชะลอการลุกลามของภาวะสายตาสั้น