หนังสือสามารถแบ่งคร่าวๆ ได้เป็นสองประเภท คือ หนังสือทักษะและหนังสือมนุษยศาสตร์


หนังสือทักษะตามชื่อบอก อธิบายวิธีการทำสิ่งต่าง ๆ ผ่านเนื้อหาในหนังสือโดยมุ่งเป้าไปที่การถ่ายทอดทักษะ


ในทางกลับกัน หนังสือมนุษยศาสตร์แสดงมุมมองหรือทัศนคติบางอย่างผ่านคำพูด โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อถ่ายทอดความคิด


เมื่อเรานึกถึงความหมายของการอ่าน สิ่งที่อยู่ในใจไม่ใช่การใช้หนังสือเชิงเทคนิค แต่เป็นความหมายของหนังสือมนุษยศาสตร์ ความหมายของหนังสือทักษะการอ่านหนังสือนั้นชัดเจน แต่ความหมายของการอ่านหนังสือด้านมนุษยศาสตร์มีมากกว่าการถ่ายทอดทักษะ


ต่อไปนี้เป็นเหตุผลสามประการว่าทำไมการอ่านหนังสือมนุษยศาสตร์จึงมีความหมาย


1. การอ่านช่วยให้ผู้คนเรียนรู้ที่จะคิด


ความแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดระหว่างการอ่านกับการไม่อ่านคือความแตกต่างในการคิด การอ่านเป็นวิธีการพัฒนาความสามารถทางปัญญาและขยายมุมมองของเรา


ใช้ข้อมูลเชิงลึกจากการอ่านมาสู่การใช้ชีวิต แล้วคุณจะพบว่าเมื่อเผชิญกับปัญหา คุณสามารถเข้าถึงปัญหาได้อย่างสงบมากขึ้น ซึ่งจะช่วยพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาของคุณ


2. การอ่านช่วยลดความเครียดและเพิ่มความฉลาดทางอารมณ์


การอ่านเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการลดความเครียดและเพิ่มความฉลาดทางอารมณ์


การอ่านทำให้เราเข้าถึงตัวละครในเรื่อง เข้าใจอารมณ์และประสบการณ์ของพวกเขา และเข้าใจอารมณ์ของเราเองได้ดีขึ้น


3. การอ่านยังช่วยให้เราลดความเครียดและความวิตกกังวลได้ เมื่อเราอ่านหนังสือ เราสามารถหลีกหนีความกังวลและความเครียดในชีวิตประจำวันได้ชั่วคราว และเข้าสู่โลกที่เงียบสงบซึ่งทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายและสบายใจมากขึ้น


4. การอ่านส่งเสริมการคิดและนวัตกรรม


การอ่านสามารถส่งเสริมการคิดและนวัตกรรม เมื่อเราอ่าน เราจะต้องคิดและวิเคราะห์เนื้อหาและความหมายของข้อความเพื่อสร้างมุมมองและความคิดเห็นของเราเอง


ผ่านการอ่าน เราสามารถเรียนรู้วิธีการคิดและทักษะการคิดสร้างสรรค์ของผู้อื่น ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการคิดและความสามารถด้านนวัตกรรมของเราเอง


การอ่านเป็นกิจกรรมที่ช่วยเพิ่มพูนความรู้และจิตใจของเรา แต่หลายๆ คนยังไม่มีนิสัยรักการอ่านที่ดี หรือไม่รู้วิธีพัฒนานิสัยการอ่าน


ที่จริงแล้ว ตราบใดที่คุณเชี่ยวชาญวิธีการบางอย่าง คุณก็จะค่อยๆ พัฒนานิสัยการอ่านและสนุกกับการอ่านได้ วิธีพัฒนานิสัยการอ่านมีดังนี้


1. อ่านหนังสือเล่มโปรดของคุณ


นี่เป็นก้าวแรกและสำคัญที่สุดในการพัฒนานิสัยการอ่าน หากคุณไม่สนใจ หนังสือ ก็ยากที่จะยึดติดกับหนังสือ ดังนั้น คุณต้องเลือกหนังสือที่เหมาะกับคุณตามความต้องการและความต้องการของคุณ


2. อ่านในทุกวัน


สิ่งที่สำคัญที่สุดในการปลูกฝังนิสัยการอ่านหนังสือคืออ่านหนังสือทุกวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่กำหนด เช่น ก่อนเข้านอนหรือตอนเช้าตรู่ หากคุณไม่มีเวลาที่แน่นอนในการอ่าน ให้ใช้การแบ่งเวลาอ่าน


3.จัดทำแผนการอ่านหนังสือ


การวางแผนการอ่านเป็นก้าวแรกในการพัฒนานิสัยการอ่าน คุณสามารถกำหนดเวลาและเป้าหมายการอ่านรายวันหรือรายสัปดาห์ เช่น การอ่าน 30 นาทีต่อวัน หรืออ่านหนังสือให้จบต่อสัปดาห์ เขียนแผนเหล่านี้ลงไป และพยายามยึดถือแผนดังกล่าว


4. เข้าร่วมชุมชนการอ่าน


การอ่านหนังสือเพียงอย่างเดียวมักจะน่าเบื่อและคุณอาจรู้สึกเบื่อหน่ายหลังจากพยายามมาหลายวัน บางครั้ง เราจำเป็นต้องหาคนที่คอยดูแลกันและกันและเรียนรู้ร่วมกัน


เราสามารถเข้าร่วมกิจกรรมการอ่าน ร่วมแลกเปลี่ยนการอ่าน และค้นหาผู้ที่มีความสนใจร่วมกัน ด้วยวิธีนี้ ไม่เพียงแต่คุณสามารถแลกเปลี่ยนความคิดในการอ่านระหว่างกันเท่านั้นแต่คุณยังสามารถสร้างเพื่อนที่มีความคิดเหมือนกันได้อีกด้วย


การอ่านเป็นกิจกรรมสำคัญที่สามารถช่วยให้เราเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ได้รับความรู้ เปิดมุมมองให้กว้างขึ้น และยกระดับชีวิตของเรา การอ่านเป็นประจำและพัฒนานิสัยการอ่านที่ดี เราจะได้รับประโยชน์มากมายจากกิจกรรมที่ยอดเยี่ยมนี้