ก่อนที่จะเริ่มออกกำลังกาย อย่าลืมให้ความสำคัญกับรองเท้า เพราะรองเท้าที่ดี จะช่วยให้การออกกำลังกายของคุณทำได้อย่างเต็มที่ ไม่มีอาการบาดเจ็บที่บริเวณเท้า เพราะเกือบทุกกิจกรรมการออกกำลังกาย ต้องมีพื้นฐานที่บริเวณเท้าเป็นสำคัญเพราะเท้าเป็นส่วนที่รับน้ำหนักและแรงกดที่เกิดขึ้น และเพื่อให้การออกกำลังกายเป็นไปอย่างไร้อุปสรรคและไม่มีอาการบาดเจ็บ บทความนี้มีวิธีเลือกรองเท้าสำหรับการออกกำลังกาย เพื่อให้คุณผู้อ่านได้เลือกรองเท้าที่ถูกใจและเหมาะสมกับการออกกำลังกายมาฝากค่ะ


1. เลือกรองเท้าแบบเฉพาะเจาะจงของประเภทกีฬา


ปัจจุบันมีรองเท้ากีฬาให้เลือกซื้อหลากหลายรุ่น หลากหลายแบรนด์ เพื่อตอบโจทย์ทุกประเภทกีฬา ฉะนั้นถ้าออกกำลังกายด้วยการเล่นบาสเกตบอลก็ควรเลือกซื้อรองเท้าสำหรับเล่นบาสเกตบอล หรืออธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ เล่นกีฬาประเภทไหน ก็ซื้อรองเท้าตามประเภทนั้น อาทิ รองเท้ากีฬาสำหรับเล่นฟุตบอล รองเท้าเล่นเทนนิส รองเท้าเล่นกอล์ฟ รองเท้าเล่น Surf Skate หรือรองเท้ากีฬาวิ่ง เพื่อให้ได้รองเท้ากีฬาที่ช่วยซัพพอร์ตเท้าขณะออกกำลังกาย โดยการเลือกรองเท้าออกกำลังตามรูปแบบการออกกำลังกายมีดังนี้


• รองเท้ากีฬาสำหรับเทรนนิ่ง


รองเท้าที่ใช้สำหรับเทรนนิ่งในยิมโดยเฉพาะการยกน้ำหนักนั้น ควรเลือกรองเท้าที่มีพื้นค่อนข้างหนา แบนราบกับพื้น และยึดเกาะกับพื้นผิวได้ดี เพื่อรองรับน้ำหนักเวลายืนเล่นในท่าต่าง ๆ แต่ถ้าคุณไม่ใช่สายเล่นเวทแต่เข้าคลาสในแบบอื่น ๆ ที่เน้นการเคลื่อนไหวหนัก ๆ เช่น คลาสที่มีการกระโดดเยอะ ๆ อย่างคลาสเต้น หรือ body combat ควรเลือกรองเท้าที่มีแผ่นรองรับการกระแทกที่ส้นเท้ามากหน่อย หรืออาจจะเลือกรองเท้าที่มีด้านหน้ากว้าง เพื่อการขยับเท้าที่สะดวกสบายมากขึ้น


• รองเท้ากีฬาสำหรับการวิ่ง


หากการวิ่งเป็นการออกกำลังกายสุดโปรดล่ะก็ ไม่ควรมองข้ามความสำคัญของการเลือกรองเท้าสำหรับการวิ่งเด็ดขาด เพราะในการวิ่งต้องมีการใช้เท้าเป็นอวัยวะสำคัญ ดังนั้นการเลือกรองเท้าที่เหมาะสมสำหรับการไปวิ่ง จะช่วยให้รู้สึกสบายเท้า และลดอาการบาดเจ็บในทุก ๆ ย่างก้าวที่ได้ออกวิ่งไป รองเท้าที่เหมาะสำหรับการวิ่งนั้น ควรเป็นรองเท้าที่ช่วยลดการกระแทก ลดการเสียดสี เสริมความมั่นคงให้กับเท้าขณะวิ่ง ที่สำคัญคือควรเป็นรองเท้าที่มีน้ำหนักเบาและมีความยืดหยุ่นด้วย


• รองเท้ากีฬาสำหรับการออกกำลังกายแบบสนาม


หลายคนชอบการออกกำลังกายที่เล่นร่วมกันได้หลาย ๆ คน เช่น บาสเก็ตบอล แบดมินตัน วอลเลย์บอล หรือเทนนิส เป็นต้น สำหรับการออกกำลังกายแบบกีฬาประเภทสนามเหล่านี้ รองเท้าที่เหมาะสมควรเป็นรองเท้าที่มีความทนทาน มั่นคง และพื้นรองเท้าต้องรองรับการเคลื่อนไหวไปมาได้ดีอีกด้วย


2. เลือกรองเท้าให้เหมาะกับทรงเท้า


ลักษณะกายภาพเท้าของแต่ละคนนั้นมีความแตกต่างกัน บางคนรูปเท้าอาจมีลักษณะเรียว เท้าแบน หรือเท้ามีลักษณะโค้ง ซึ่งการเลือกซื้อรองเท้าให้เหมาะสมกับทรงเท้าผู้สวมใส่ นอกจากช่วยให้สวมใส่สบายแล้ว ยังช่วยไม่ให้ได้รับบาดเจ็บจากการใส่รองเท้าอีกด้วย ทำให้สามารถออกกำลังกายได้อย่างเต็มที่ไม่รู้สึกปวดเมื่อยในขณะสวมใส่รองเท้าคู่นั้น ๆ


3. ทดสอบรองเท้าทุกครั้งก่อนตัดสินใจซื้อ


รองเท้าออกกำลังกาย รองเท้ากีฬา หรือรองเท้าวิ่ง ในปัจจุบันมีหลากหลายรูปแบบ แน่นอนว่าการเลือกให้เหมาะสมกับตัวเองนั้นคือ ทดลองสวมใส่และลองเคลื่อนไหว เพื่อดูว่ารองเท้ากีฬาที่สนใจมีขนาดที่พอเหมาะ ไม่คับแล้วไม่หลวมจนเกินไป ใส่แล้วลองเคลื่อนไหวด้วยการเดิน วิ่ง หรือกระโดด ว่ารองเท้ามีการหลุดหรือไม่ ที่สำคัญเวลาทดลองสวมอย่าลืมสวมถุงเท้าด้วย จะได้รู้ว่ามีบางส่วนของเท้าโดนบีบ หรือโดนเสียดสีมากเกินไปหรือไม่


นอกจากนี้ การเลือกซื้อรองเท้าออกกำลังกายคู่ใหม่เมื่อคู่เก่าเริ่มมีประสิทธิภาพลดลงก็เป็นสิ่งที่สำคัญ ผู้เชี่ยวชาญได้กล่าวรองเท้าวิ่งหรือรองเท้าเดินอาจเสื่อมสภาพเมื่อใช้งานไปราว 560 กิโลเมตร แต่ถ้าหากรู้สึกไม่สบายเท้า เกิดการบาดเจ็บ ปวดเท้า หรือความรู้สึกที่ต่างไปเดิมก็สามารถพิจารณาเลือกซื้อรองเท้าออกกำลังกายคู่ใหม่เพื่อลดความเสี่ยงเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพ