หากใครมีความคิดที่จะลองเลี้ยงสัตว์แปลก ๆ ตัวโต ๆ ขนนุ่ม ๆ แล้วล่ะก็… อัลปากา ก็ถือเป็นสัตว์อีกชนิดหนึ่งที่น่าสนใจเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าจะยังไม่ได้รับความนิยมในเลี้ยงกันมากนัก เนื่องจากราคาและค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างแพง แต่อัลปากาก็เป็นสัตว์เลี้ยงที่เชื่อง รักสะอาด แถมยังขับถ่ายได้เป็นที่เป็นทางอีกด้วย บทความนี้จึงมาแนะนำ อัลปากา เจ้าสัตว์คอยาวขนนุ่ม จากเทือกเขาแอนดีส ว่ามีลักษณะโดยทั่วไปเป็นอย่างไร ถ้าทุกคนเริ่มอยากรู้จักแล้ว งั้นเราไปดูกันเลยดีกว่าค่ะ
อัลปากาเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อยู่ในวงศ์อูฐ ถิ่นอาศัยอยู่ในพื้นที่สูงบริเวณเทือกเขาแอนดีสในทวีปอเมริกาใต้ ได้แก่ ตอนใต้ของประเทศเปรู ตอนเหนือของประเทศโบลิเวีย เอกวาดอร์ และชิลี มันมีลักษณะเหมือนอูฐที่คอยาวแต่ไม่มีโหนก เป็นสัตว์เลี้ยงซึ่งมีต้นกำเนิดจากกัวนาโก โดยปกติแล้วถูกเลี้ยงไว้เพื่อผลิตภัณฑ์ของขนและเลี้ยงรวมกันเป็นฝูง มีขนที่ละเอียดกว่าลามา และมีลักษณะยาว แต้มหรือจุดบนตัวมีลักษณะของสีหลายรูปแบบ เช่น ขาว, น้ำตาล, เหลือง, ดำ นอกจากนี้รูปร่างลักษณะก็แตกต่างกันไปหลากหลายตามแต่พันธุ์ มีขนาดตัวเล็กกว่าลามา ความยาวจากปลายจมูกถึงฐานหางประมาณ 1.28 - 1.51 เมตร ความยาวหางประมาณ 22 - 24 เซนติเมตร ความสูงถึงหัวไหล่ประมาณ 0.8 - 1.0 เมตร น้ำหนักประมาณ 55 - 65 กิโลกรัม อัลปาคาเป็นสัตว์กินพืชเป็นอาหาร
อัลปาคามีระยะตั้งท้อง 242 - 345 วัน ออกลูกครั้งละ 1 ตัว ซึ่งจะขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ (บางครั้ง 2 ตัว แต่พบได้ยาก) น้ำหนักแรกเกิด 8 - 9 กิโลกรัม ระยะเวลาหย่านม 6 - 8 เดือน เป็นวัยเจริญพันธุ์เมื่อมีอายุ 12 - 24 เดือน และมีอายุยืนประมาณ15 - 20 ปี
อัลปากาแบ่งเป็น 2 สายพันธุ์ตามลักษณะขน ได้แก่ Suri ขนยาว นุ่ม ลื่น เป็นมันเงา และ Huaccaya ขนปุยเหมือนตุ๊กตาหมีเท็ดดี้แบร์ คุณสมบัติสุดพิเศษของขนอัลปากามีส่วนสำคัญที่ช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอในแถบเทือกเขาแอนดีสมาตั้งแต่สมัยอาณาจักรอินคา จนถึงทุกวันนี้ขนฟูหนาของอัลปากาก็ยังคงเป็นที่ต้องการในวงการแฟชั่นมาก ๆ ฉะนั้นถ้าราคาจะแพงก็คงไม่น่าแปลกใจเลย มิน่าล่ะคนทั่วโลกจึงทำฟาร์มเลี้ยงอัลปากากัน
ลักษณะนิสัยอีกอย่างหนึ่งของอัลปากาคือ เป็นสัตว์ที่ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง มีความทรหดอดทนเป็นอย่างมาก จึงสามารถเลี้ยงไว้ในบ้านหรือบริเวณหน้าบ้านได้เหมือนกับสุนัขตัวหนึ่งได้เช่นกัน แต่ถึงแม้ว่าอัลปากาจะดูเป็นสัตว์อารมณ์ดี และดูเป็นมิตรกับมนุษย์ได้ง่าย แต่หากมันรู้สึกว่ากำลังมีภัยอันตรายหรือถูกคุกคาม มันจะป้องกันตัวด้วยการพ่นน้ำลายออกมาใส่ศัตรูหรือสิ่งมีชีวิตที่เข้ามาก่อกวนมัน นอกจากนี้ ไม่ว่าจะความเครียด ความกลัว หรือ ความต้องการแสดงอำนาจ มันก็สามารถพ่นน้ำลายใส่อัลปากาตัวอื่นได้เช่นกัน แถมยังพ่นได้ไกลถึง 3 เมตรเลยทีเดียว
เนื่องจากอัลปากาเติบโตและใช้ชีวิตอยู่ในทุ่งหญ้าตั้งแต่อดีต ฉะนั้นแล้ว อาหารของพวกมันจึงไม่พ้นการเคี้ยวหญ้าไปเรื่อย ๆ อย่างช้า ๆ ซึ่งพวกมันสามารถกินได้ทั้งหญ้าสดที่อยู่ตามทุ่งหญ้า และหญ้าแห้ง รวมถึงยังสามารถเสริมด้วยอาหารเม็ดทั่วไปได้ แต่ควรเลือกชนิดให้เหมาะสมและมีแร่ธาตุที่เพียงพอต่อความต้องการในแต่ละวันด้วย
เส้นใยจากอัลปาก้ามี 22 สีตามที่อุตสาหกรรมสิ่งทอในอเมริการับรอง และยังมีสีผสมอีกมากมาย อัลปาก้าสามารถตัดขนได้ปีละครั้ง ซึ่งจะได้ขนที่นุ่มและอบอุ่นครั้งละ 2 ถึง 4 กิโลกรัม ซึ่งมักจะกลายเป็นเครื่องประดับที่หรูหราที่สุดในโลก ใคร ๆ ก็สามารถเลี้ยงอัลปาก้าได้