ทุกคนในวัยทำงานล้วนตั้งใจทำงานกันอย่างเต็มที่ แต่บางครั้งก็รู้สึกเหนื่อยล้า ความใฝ่ฝันหนึ่งของคนในวัยทำงานคือการใช้ชีวิตในแต่ละวันให้มีประสิทธิภาพ จัดสรรชีวิตให้ลงตัว ไม่กระทบต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจ มีเวลาพักผ่อนและทำงานอย่างมีความสุข การปรับสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัวเป็นประโยชน์อีกทั้งยังช่วยลดความเครียดจากการทำงานอีกด้วย


วิธีการปรับสมดุลชีวิต ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่ต้องเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิต ปรับมุมมองความคิด แล้วทำเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อพัฒนาตัวเองและมีความสุขไปพร้อมๆกัน วันนี้ขอนำเสนอเคล็ดลับดีๆในการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตให้สมดุล ข้อแรกคือ นอนหลับ 6-8 ชั่วโมง พักผ่อนให้เพียงพอ การทำงานหรืออ่านเอกสารต่างๆจำเป็นต้องใช้สมาธิในการจดจ่อซึ่งการนอนหลับให้เพียงพอ ไม่เพียงแต่ทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น กระปี้กระเปร่า อีกทั้งยังช่วยให้เราโฟกัสกับสิ่งต่างๆได้ดียิ่งขึ้น วิธีการง่ายๆคือพยายามนอนและตื่นให้ตรงเวลา ทำต่อเนื่องประมาณ1-2 สัปดาห์ ร่างกายจะมีการปรับนาฬิกาชีวิต หลังจากนั้นเราจะรู้สึกง่วงและตื่นเป็นเวลาอย่างอัตโนมัติ ซึ่งประโยชน์คือทำให้ร่างกายได้พักผ่อนและฟื้นฟูตัวเอง และเวลาทำงานจะไม่รู้สึกง่วงและมีประสิทธิภาพมากขึ้นแน่นอน


วิธีที่สองคือการเล่นโซเซียลเมื่อจำเป็น ยุคสมัยนี้ทุกคนต่างเล่นโซเซียลมีเดีย เพื่อติดต่อสื่อสารหรือหาความรู้และความบันเทิงต่างๆ สามารถใช้ลดความเครียดได้ แต่อาจก่อให้เกิดอาการเสพติดโซเซียลมีเดีย สามารถแก้ไขด้วยการใช้โซเซียลเน็ตเวิร์คอย่างพอเหมาะ จัดการสะสางงานให้เสร็จก่อน เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพและรวดเร็วมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นผลดีต่อสุขภาพชีวิตในระยะยาว


การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอประมาณ 3 - 4 วันต่อสัปดาห์ เพื่อร่างกายที่แข็งแรง สุขภาพดี และทำให้ทุกส่วนของร่างกายได้ยื่นเส้นยื่นสาย แต่การออกกำลังกายควรออกแต่พอดี ไม่หักโหมจนเกินไป และทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ทำงานหนักแล้วก็ต้องทานอาหารดีๆ จะได้หลับง่าย สุขภาพแข็งแรง และทำงานมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งสามารถหากิจกรรมหรืองานอดิเรกที่ชอบ ก็สามารถลดความเครียดจากการทำงานและส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจเช่นกัน


นอกจากเคล็ดลับด้านสุขภาพแล้ว การจัดระบบการทำงานก็สำคัญมากๆเช่นกัน ดังนี้ ก่อนทำงานในแต่ละวัน สามารถเขียนลิสต์สิ่งที่สำคัญและวันเวลาที่ต้องส่งงาน แบบนี้จะได้เห็นภาพรวมของการทำงานและทำให้สามารถจัดแจงตารางชีวิตและมีเป้าหมาย สะสางงานได้เร็วมากขึ้นอีกด้วย


อีกวิธีที่ควรลองทำคือการออกจากสิ่งเดิมๆที่เคยทำซ้ำๆเป็นประจำ ลองมีความสุขใหม่ๆในชีวิตดูบ้าง หรือสามารถเริ่มจากการให้เวลากับคนรอบข้างมากขึ้น เช่นคนในครอบครัว หรือคนรอบๆตัว จะช่วยบรรเทาความเครียด หรืออะไรที่ไม่สบายใจ ความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้างก็มีส่วนช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นสิ่งสำคัญไม่ควรที่จะละเลย


ประโยชน์ของแนวคิดเกี่ยวกับการปรับสมดุลชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวข้างต้นที่ได้กล่าวถึงสามารถนำไปปรับใช้ตามไลฟ์สไตล์ที่เหมาะสม ช่วยลดความเครียดในการทำงาน มีเป้าหมายชัดเจนมากขึ้น สุขภาพกายและสุขภาพใจแข็งแรง และมีวิถีชีวิตที่เป็นระเบียบ และมีเวลาว่างในการทำสิ่งที่ตัวเองชอบได้ด้วย