อากาศร้อน ๆ แบบนี้ ก็คงจะหนีไม่พ้นการหาสถานที่ไปนอนแช่น้ำใส ๆ ไหลเย็น ๆ จากธรรมชาติ เอาให้ฉ่ำหนำใจไปเลย และด้วยความที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่โชคดี มีธรรมชาติ และแหล่งน้ำธรรมชาติให้เลือกเอาตัวไปจุ่มอยู่มากมาย บทความนี้ได้รวบรวมที่เที่ยวน้ำตกธรรมชาติในประเทศไทยมาให้ดูกัน


1. น้ำตกทีลอซู จังหวัดตาก


“น้ำตกทีลอซู” เกิดจากลำห้วยกล้อทอที่อยู่ด้านบน ซึ่งได้ไหลมารวมกัน และไหลตกลงมายังช่องเขาขาดที่สูงประมาณ 300 เมตร กว้างประมาณ 500 เมตร เกิดเป็นน้ำตกทีลอซูอันสวยงามอลังการ โดยสายน้ำตกแห่งนี้ได้ไหลโจนทะยานลงมาจากโตรกผา ลดหลั่นลงมาเป็นชั้น ๆ ท่ามกลางขุนเขาแมกไม้ที่เขียวขจี ด้วยองค์ประกอบความงดงามของสายน้ำและสภาพธรรมชาติแวดล้อมที่เกื้อหนุนเสริมส่งกัน ทำให้น้ำตกทีลอซูได้รับการยกย่องจากคนส่วนใหญ่ให้เป็น “น้ำตกที่สวยที่สุดในเมืองไทย”


2. น้ำตกพลิ้ว จังหวัดจันทบุรี


น้ำตก 3 ชั้นขนาดใหญ่ ที่มีน้ำไหลเย็นชุ่มฉ่ำตลอดทั้งปี ท่ามกลางบรรยากาศของธรรมชาติที่สงบร่มรื่น และยังมีไฮไลท์อย่างแอ่งน้ำที่มีฝูงปลาพลวงอาศัยอยู่มากมาย โดยมักจะว่ายมาทักทายให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกอยู่เสมอ โดยจะเปิดทุกวัน เวลา 8.00-17.00 น. ค่าเข้าชม คนละ 40 บาท


3. น้ำตกวังตะไคร้ จังหวัดนครนายก


หนึ่งในน้ำตกที่หลาย ๆ คนคุ้นเคยเป็นอย่างดีกับ น้ำตกวังตะไคร้ ที่จังหวัดนครนายก อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 120 กิโลเมตรเอง นับว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งที่ใกล้กรุงเทพมาก ๆ เลย เพราะในอุทยานมีพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับสวย ๆ ที่นักท่องเที่ยวสามารถไปเดินเล่นเยี่ยมชมได้ตลอด เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 8:00–18:00 น. และเข้าชมได้ฟรีอีกด้วยนะ


4. น้ำตกสาริกา จังหวัดนครนายก


น้ำตกขนาดใหญ่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ที่มีน้ำไหลลงมาจากหน้าผา มีความสูงถึง 9 ชั้น โดยแต่ละชั้นจะมีชั้นหินธรรมชาติ รองรับน้ำเป็นแอ่งอยู่ บางแอ่งมีขนาดกว้างและน้ำไม่ลึก เหมาะสำหรับลงเล่นน้ำได้สบาย และปลอดภัย และด้วยความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า จึงน่ามาเดินชมธรรมชาติในช่วงฤดูฝนที่นอกจากจะมีน้ำมากแล้ว ต้นไม้ใบหญ้าก็ผลใบเป็นสีเขียวสวยงาม ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท


และนี่คือน้ำตกสวยที่ได้รวบรวมมาให้รู้จักกัน และนอกจากจะต้องระวังความปลอดภัยในการเที่ยวน้ำตกแล้ว ก็ยังต้องควรปฏิบัติตามข้อบังคับในการลงเล่นน้ำและการใช้พื้นที่ส่วนรวมด้วยเช่นกัน