นกเพนกวินพันธุ์แอฟริกัน ซึ่งเคยมีอยู่หลายล้านตัวในบริเวณชายฝั่งทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกา กำลังลดจำนวนลงและอาจสูญพันธุ์ในไม่ช้า ด้วยฝีมือมนุษย์ทำให้นักอนุรักษ์ธรรมชาติเริ่มหามาตรการป้องกันเหตุการณ์นี้
ที่เกาะดายเออร์ ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากแหลมปลายสุดของทวีปแอฟริกาไปประมาณ 8 กิโลเมตร ที่นี่เป็นแหล่งผสมพันธุ์ที่สำคัญของนกเพนกวินพันธุ์แอฟริกัน แต่ในช่วงหลายปีมานี้เกาะดายเออร์ถูกมนุษย์ขุดหน้าดินไปขาย เนื่องจากมูลของนกเพนกวินเป็นปุ๋ยอย่างดี สิ่งนี้ทำให้นกเพนกวินไม่สามารถขุดโพรงลงไปทำรังใต้ดิน จึงต้องออกมาผสมพันธุ์และวางไข่บนที่โล่ง ลูกนกจึงต้องเผชิญกับลมพายุและเป็นเหยื่ออันโอชะของสัตว์นักล่า
คุณวิลเฟรด ชายเวลล์ กัปตันเรือเช่าเหมาลำที่เกาะดายเออร์ เผยว่า นกเพนกวินต้องการความช่วยเหลือ เขาตั้งกลุ่มที่มีชื่อว่า “Dyer Island Conservation Trust” สร้างกระท่อมหลังเล็กๆที่ทำด้วยไฟเบอร์กลาสจำนวน 800 หลังเพื่อให้เป็นรังของนกเหล่านี้
สหภาพระหว่างประเทศว่าด้วยการอนุรักษ์ธรรมชาติได้ขึ้นบัญชีนกเพนกวินพันธุ์แอฟริกันเป็นสิ่งมีชีวิตที่เสี่ยงใกล้สูญพันธุ์ เนื่องจากแหล่งอาศัยตามธรรมชาติของพวกมันถูกทำลายลงอย่างมาก แหล่งอาหารก็ลดลงจากการทำประมงเชิงพาณิชย์
นอกจากกลุ่มของคุณวิลเฟรดที่พยายามช่วยนกเพนกวินเหล่านี้แล้ว มูลนิธิแอฟริกาใต้เพื่อการอนุรักษ์นก ที่อาศัยอยู่ตามชายฝั่ง หรือ SANCCOB กำลังช่วยเหลือลูกนกเพนกวินให้มีชีวิตรอด โดยนำลูกนกเกิดใหม่ในปีนี้จำนวน 62 ตัวไปยังโรงพยาบาลสัตว์ที่นครเคปทาวน์
ผู้ดูแลสัตว์ บอกว่า ปัญหาของนกเพนกวินพันธุ์แอฟริกันที่พบในธรรมชาติ คือการหาอาหารเลี้ยงลูก นกเพนกวินต้องดิ้นรนหาอาหารมาให้เพียงพอเลี้ยงลูกนกที่ยังอ่อนแอ ซึ่งถ้าไม่เพียงพอลูกนกก็จะตายลงอย่างช้าๆ ทีมงานของคุณเสตาทส์ให้ปลาซาร์ดีนวันละ 8 ตัวแก่ลูกนกที่นำมาเลี้ยงในโรงพยาบาล แต่การสร้างรังและให้อาหารแก่ลูกนกยังไม่เพียงพอที่จะแก้ปัญหาได้ในระยะยาว
โรเบิร์ต ครอวฟอร์ด นักชีววิทยานกเพนกวินของรัฐบาลแอฟริกาใต้ บอกว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องเข้ามาแทรกแซงการบริหารจัดการในทุกด้าน ซึ่งล่าสุดรัฐบาลแอฟริกาใต้กำลังพิจารณาใช้มาตรการ อย่างเช่น ปิดน่านน้ำบริเวณชายฝั่งไม่ให้ทำการประมง แต่นักชีววิทยาก็เตือนว่ามาตรการนี้อาจช้าเกินไปที่จะป้องกันนกพันธุ์นี้ไม่ให้สูญพันธุ์