ปัจจุบันสะพานไม่ได้เป็นแค่สัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของโลกในการดีไซน์ แต่ยังสื่อให้เห็นถึงความก้าวหน้าในด้านเทคโนโลยีด้วยเช่นกัน ดังนั้นจะเห็นได้ว่าสถาปัตย์และวิศวกรสามารถที่จะรวมเอาดีไซน์และเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน เพื่อนำไปสู่การสร้างสะพานที่ใหญ่ขึ้น ดีขึ้น และสวยงามขึ้นกว่าที่มันเคยเป็นมา และยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวได้เช่นกัน ดังที่จะแนะนำต่อไปนี้
• Banpo Bridge สะพานน้ำพุสายรุ้งแห่งโซล ถือได้ว่าเป็นการพลิกโฉมหน้าของสะพานข้ามแม่น้ำ ให้เป็นที่กล่าวขานและกลายเป็นจุดหมายใหม่ของนักท่องเที่ยวทั่วโลก และใครจะเชื่อมว่าเพียงแค่เพิ่มหัวฉีดน้ำพุและหลอดไฟหลากสีสัน พร้อมกับแผนการโปรโมทดีๆเพียงเท่านี้ก็สามารถสร้างชื่อให้กับสะพานเก่าที่มีอายุเกือบ 20 ปีได้แล้ว
• Confederation Bridge แคนาดา เป็นสะพานที่มีความยาวทั้งหมด 12.9 กิโลเมตร เริ่มต้นตั้งแต่ Northumberland Strait ตัดผ่าน Borden-Carleton, เกาะ Prince Edward Island, แหลม Cape Jourimain ไปจนถึง New Brunswick และแม้จะไม่ใช่สะพานข้ามทะเลที่ยาวที่สุดในโลก แต่ถ้าพูดถึงสะพานที่ข้ามทะเลน้ำแข็งที่ยาวที่สุดในโลกก็ต้องเป็นสะพานแห่งนี้นี่เอง
• สะพานปีนัง หรือ Penang Bridge ที่ประเทศมาเลเซีย สร้างขึ้นเมื่อวันที่ 8 เดือนพฤศจิกายน 2008 มีความยาวถึง 13.5 กิโลเมตร (8.4 ไมล์) พาดผ่านคาบสมุทรเพื่อเชื่อมต่อระหว่างเกาะกับแผ่นดินใหญ่ เป็นถนนเส้นยาวที่น่าไปขับรถกินลมชมวิวสุดอลังสักครั้งในชีวิต
• สะพาน Lucky Knot ฉางชา ประเทศจีน สะพานเดินข้ามแม่น้ำ Dragon King Harbor เชื่อมสวนสาธารณะสองแห่งในเมืองจีน โครงสร้างยาว 600 ฟุต มีทางเดินเชื่อมต่อกันสามทาง วิวโดยรอบมีความสวยงาม
• สะพาน Circular Laguna Garzón – Garzón, ประเทศอุรุกวัย สะพานรูปวงแหวนที่ดูเหมือนจะไม่สามารถใช้งานได้ แต่จริงๆแล้วมันก็สามารถใช้งานได้ปกติ ออกแบบมาเพื่อลดการจราจรในพื้นที่ สามารถให้รถข้ามได้ประมาณ 1,000 คัน นอกจากนี้สะพานยังสามารถเดินชมวิวได้อีกด้วยนะ
• Helix Bridge – สะพานรูปเกลียว เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่มาเที่ยวสิงคโปร์ก็ต้องมาถ่ายรูป ด้วยลักษณะการออกแบบที่ดูแปลกตา เป็นลักษณะการจำลองแบบมาจาก DNA สะพานแห่งนี้เป็นสะพานเชื่อมระหว่างนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินเที่ยวระหว่างฝั่งอาคาร Marina Bay Sands กับฝั่ง Singapore Flyer
ขอปิดท้ายด้วยสะพานที่ยาวที่สุดในโลกนั่นก็คือ สะพานฮ่องกง - จูไห่ - มาเก๊า (Hongkong - Zhuhai - Macau Bridge) น้องใหม่มาแรงแซงโค้งที่เพิ่งเปิดให้ใช้งานได้เมื่อปี 2018 นี่เองค่ะ ด้วยความยาวถึง 55 กิโลเมตร (34 ไมล์) จึงสามารถย่นระยะเวลาการเดินทางไปหากันได้จาก 4 ชั่วโมงเหลือเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น อีกทั้งยังสร้างด้วยวัสดุพิเศษที่สามารถป้องกันเหตุการณ์แผ่นดินไหวและพายุไต้ฝุ่นอีกด้วย