ไวโอลิน หนึ่งในเครื่องดนตรีสากลที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่ยาวนานและด้วยน้ำเสียงมีเอกลักษณ์ ที่สามารถสื่ออารมณ์ทั้งเศร้าและสนุกสนานได้เป็นอย่างดี จึงถือได้ว่าไวโอลินเป็นอีกหนึ่งเครื่องดนตรีที่ได้รับความนิยมชิ้นหนึ่งเลยทีเดียว และบทความนี้จะมาทำความรู้จักเบื้องต้นกับเครื่องดนตรีชนิดนี้กันค่ะ
ประวัติความเป็นมาของไวโอลิน
ไวโอลินเป็นเครื่องดนตรีที่จัดอยู่ในหมวดเครื่องสายให้กำเนิดเสียงด้วยวิธีการสีเป็นหลัก โดยไวโอลินมีการคาดการว่ามีการพบเห็นครั้งแรกที่ประเทศอิตาลีในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 16 โดยไวโอลินมีเครื่องดนตรีที่เป็นต้นแบบคือ เรเบค (Rebec) , ซอเรอเนซองซ์ ( The Renaissance Fiddle ) , ลีรา ดา บราชโช ( Lira Da Braccio ) ไวโอลินเป็นเครื่องดนตรีตระกูลไวโอลิน ซึ่งประกอบไปด้วย ไวโอลิน ( Violin ) , วิโอลา ( Viola ) , เชลโล ( Cello ) ดับเบิลเบส ( Double Bass ) โดยไวโอลินเป็นเครื่องดนตรีที่มีขนาดเล็กที่สุดและมีเสียงที่อยู่ในย่านเสียงกลางถึงสูง จึงเป็นเครื่องดนตรีที่เล่นเสียงสูงภายในกลุ่มตระกูลไวโอลินด้วยกัน
วิธีการเลือกไวโอลินให้เหมาะตัวเอง
1. ขนาดของไวโอลิน
ก่อนที่จะเลือกซื้อไวโอลิน สิ่งที่ต้องรู้อีกเรื่องก็คือการเลือกขนาดของไวโอลินที่เหมาะสมกับตัวผู้เล่นนั้นเอง เนื่องจากไวโอลินนั้นมีอยู่ด้วยกันหลายขนาด โดยทั่วไปไวโอลินจะสามารถแบ่งได้เป็น 7 ขนาด คือ 4/4 (ขนาด Full Size) , ¾ , ½ , ¼ , 1/8 , 1/10 , 1/16 โดยขนาด 4/4 เป็นขนาดที่ใหญ่ที่สุดและขนาดลดหลั่นกันลงมา โดยแต่ละ Size นั้นมีความยาวต่างกัน
2. งานฝีมือและวัสดุที่ใช้
ไวโอลินเป็นเครื่องดนตรีที่มีมานานมากกว่า 300 ปีแล้ว ซึ่งการผลิตและวัสดุใช้นั้นถือว่าเหมือนกันตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้ด้วยไวโอลินที่เป็นงานฝีมือ รวมไปถึงวัสดุอย่างไม้ที่ใช้ก็มีคุณภาพสูง ทำให้มีราคาสูงกว่าปกติ โดยไม้ที่ใช้ก็จะมี เมเปิ้ล หรือ ไม้ตระกูล Spruce ดังนั้นก่อนที่จะเลือกซื้อ แนะนำให้เช็กความปราณีตในการผลิตและไม้ที่นำมาใช้ เพื่อให้ได้ไวโอลินที่ดีที่สุด
3. การประกอบและส่วนประกอบบนไวโอลิน
คุณภาพของเสียงขึ้นอยู่กับส่วนประกอบต่าง ๆ บนไวโอลิน โดยสิ่งที่คุณจะต้องเช็กจะมี ดังนี้
• Nut เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของไวโอลินที่อยู่บริเวณส่วนบน ซึ่งความลึกของ Nut ค่อนข้างจะมีผลต่อเสียง ถ้าหากมันสูงเกินไปการเล่นก็จะยากยิ่งขึ้น ในขณะที่ถ้ามันต่ำจนเกินไป เสียงก็จะออกมาแปลกและไม่ไพเราะแบบที่ควรจะเป็น
• String หรือเรียกง่าย ๆ ว่าสายของไวโอลิน ซึ่งโดยทั่วไปจะผลิตมาจากเหล็ก แต่สำหรับมือใหม่ส่วนใหญ่จะเลือกสายจากสังเคราะห์ เพราะการกดหรือจับจะสบายมือยิ่งขึ้น อย่างไรก็ดีสิ่งหนึ่งที่ควรจะต้องเช็กคือมันจะต้องไม่มีสนิมเกาะหรือเก่าจนเกินไป ควรจะเป็นสายใหม่ที่ผลิตมาพร้อมกับไวโอลิน
• The Bridge ในภาษาไทยจะเรียกว่า “หย่อง” จะมีหน้าที่ในการทำให้สายอยู่ในองศาที่เหมาะสมที่สุดและยกสูงขึ้นจากพื้นผิวของเครื่องดนตรี ทำให้มันมีช่องว่างจนเกิดเสียงออกมา
4. ที่พักคางและไหล่
ที่พักคางและไหล่ถือว่าสำคัญกว่าที่คิด เพราะถ้าหากมันฟิตพอดีหรืออยู่ในองศาที่เข้ากับรูปร่างของผู้เล่น แน่นอนว่าการเล่นจะง่าย มีความเป็นธรรมชาติและสบายยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันถ้าหากที่พักไหล่และคางไม่พอดี มันก็จะทำคุณรู้สึกอึดอัด ทั้งยังเล่นได้ยากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ประโยชน์ของการเล่นไวโอลิน
1. ตั้งเป้าหมาย
ช่วยให้ประสบความสำเร็จในการเล่นระดับสูงได้เร็วกว่าการเล่นโดยไร้จุดหมาย เช่น วางแผนการฝึกเพื่อบรรลุเป้าหมายนั้น ต้องตัดสินใจว่าจะฝึกหนักแค่ไหนและระดับไหนที่ถือว่าเป็นไปได้และไม่ได้
2. สมาธิและความตั้งใจ
การฝึกฝนที่ต้องอาศัยทั้งความตั้งใจและสมาธิเพื่อบรรลุจุดประสงค์ที่วางไว้ ทักษะที่เกิดขึ้นพร้อม ๆ กับความมีสติเป็นสิ่งที่มีประโยชน์อันประเมินค่ามิได้เลย ซึ่งคุณสามารถนำไปใช้แก้ปัญหาอื่น ๆ ในชีวิตได้เป็นอย่างดี
3. การทำงานเป็นทีม
สำหรับการเล่นดนตรีนั้น เมื่อเข้าเล่นในวงดนตรี มีโอกาสที่จะพัฒนาทักษะการเข้าสังคมควบคู่กันไปด้วยนับเป็นโอกาสอันดีที่ไม่อาจประเมินค่าได้
4. การเเสดงออกทางอารมณ์
ดนตรีคือเครื่องมือที่ใช้แสดงออกทางอารมณ์ความรู้สึก และเป็นวิถีทางในการแสดงออกถึงพลังความคิดสร้างสรรค์ของมนุษยชาติ
5. เรียนรู้การเเก้ปัญหา
ไวโอลินเป็นเครื่องดนตรีที่เล่นยากที่สุดชนิดหนึ่งเชื่อกันว่าปริมาณสมองที่ควบคุมการเคลื่อนไหวมีมากพอ ๆ กับสมองที่ควบคุมระบบประสาทการทำงานของร่างกายถือเป็นหนึ่งในความท้าทายที่ยิ่งใหญ่สำหรับมนุษย์