นิวซีแลนด์ อีกหนึ่งแดนสวรรค์ของนักท่องโลก ด้วยที่นี่มีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามล้ำค่า ไม่ว่าจะเป็นท้องทะเลที่สวยงาม ป่าเขาเขียวขจีอุดมสมบูรณ์ วิถีชีวิตแบบดั้งเดิม ไปจนถึงความศิวิไลซ์ในวิถีชีวิตแบบคนเมืองที่มีเสน่ห์ไม่เหมือนที่ไหน หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่ติดอันดับสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของนิวซีแลนด์ก็คือ ทะเลสาบ ซึ่งทะเลสาบในนิวซีแลนด์แต่ละแห่งก็มีความสวยงามและความน่าสนใจแตกต่างกันออกไป
วันนี้เราจึงจะพาไปทำความรู้จักกับ 3 ทะเลสาบในนิวซีแลนด์ที่ใหญ่รองลงมาจาก 'ทะเลสาบเทาโป' (Lake Taupo) ทะเลสาบที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับหนึ่งในนิวซีแลนด์ ทว่าความสวยงามนั้นไม่แพ้กันเลย ทะเลสาบที่คุณควรไปเห็นด้วยตาตัวเองกันสักครั้ง โดยการท่องเที่ยวนิวซีแลนด์ได้คัดสรรมาให้แล้วที่นี่ จะมีที่ไหนบ้างไปตามรอยกันเลย
1. ทะเลสาบเทคาโป (Lake Tekapo)
ทะเลสาบเทคาปูซึ่งเป็นทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับสองของนิวซีแลนด์
ทะเลสาบเทคาโป เป็นทะเลสาบน้ำจืด ตั้งอยู่บริเวณเชิงเทือกเขา Southern Alps ใน Mackenzie Country บนเกาะใต้ ประเทศนิวซีแลนด์ ซึ่งห่างจากเมืองควีนส์ทาวน์ (Queenstown) และเมืองไครสต์เชิร์ช (Christchurch International Airport) ประมาณ 3 ชั่วโมง ลักษณะโดดเด่นของทะเลสาบเทคาโปอยู่ที่น้ำในทะเลสาบ ซึ่งมีสีฟ้าเทอร์ควอยซ์สวยงามจับตา และยังใสแจ๋วจนสามารถเห็นพื้นหินใต้ทะเลสาบได้อย่างชัดเจน โดยน้ำในทะเลสาบแห่งนี้ไหลมาจากธารน้ำแข็งขนาดใหญ่บนเทือกเขา เมื่อผนวกกับแร่ธาตุต่าง ๆ จึงทำให้มีสีฟ้าสวยงามราวกับทะเลสาบในเทพนิยายอย่างไรอย่างนั้นเลยเชียว
บรรยากาศของทะเลสาบเทคาโปนั้นเงียบสงบ อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี สามารถมองเห็นเทือกเขาสูงใหญ่เบื้องหลังได้อย่างงดงาม ซึ่งยอดเขา Aoraki หรือ Mount Cook (สูง 3,764 เมตร) อันเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในประเทศนิวซีแลนด์ ก็ใช้เวลาเดินทางจากทะเลสาบเทคาโปไปอีกเพียงแค่ประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น ที่นี่จึงมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้สนุกสนานมากมาย ทั้งเดินป่า, ขี่จักรยานเสือภูเขา, พายเรือในทะเลสาบ, การขี่ม้าไปตามเส้นทางเดินป่า, ตีกอล์ฟ, การเล่นสกีในฤดูหนาว หรือการอาบน้ำแร่ เป็นต้น
ความพิเศษของทะเลสาบเทคาโปยังไม่หมดเพียงเท่านั้น บริเวณริมทะเลสาบเทคาโปจะมีโบสถ์เล็ก ๆ (The Church of the Good Shepherd) ไว้รอต้อนรับคู่รักจากทั่วโลก ซึ่งโบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นด้วยวัสดุธรรมชาติ ช่างดูเรียบง่ายและอบอุ่นแบบสุด ๆ
และที่ขาดไม่ได้เป็นดั่งเหล่านางฟ้าแห่งทะเลสาบเทคาโปก็คือ ดอกลูพิน (Lupins) ที่มีสีสันสดใส ไล่ไปตั้งแต่ชมพูอ่อนจนถึงสีม่วงเข้มเกือบน้ำเงิน ซึ่งจะเบ่งบานอยู่โดยรอบทะเลสาบในช่วงเดือนพฤศจิกายน-มกราคมของทุกปี เมื่อมองทะเลสาบจากทุ่งดอกลูพินจะเห็นดอกไม้สีม่วงตัดกับน้ำทะเลสาบสีฟ้าใส และยังมีเบื้องหลังเป็นแนวเทือกเขาที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน เป็นความงดงามที่สร้างสรรค์ให้ทะเลสาบเทคาโปเป็นดินแดนสวรรค์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
2.ทะเลสาบวากาติปู (Lake Wakatipu)
ทะเลสาบวากาติปู (Lake Wakatipu) เป็นทะเลสาบที่เกิดจากธารน้ำแข็ง มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศ ตั้งอยู่ทางตะวันออกของเมืองควีนส์ทาวน์ (Queenstown) ย้อนไปในบรรพกาลนาน 15,000 ปี ธารน้ำแข็งได้กัดเซาะเทือกเขาแอลป์จนเกิดเป็นทะเลสาบวากาติปู เลาะเลี้ยวเคี้ยวคดจนคล้ายรูปตัว S ยาวถึง 80 กิโลเมตร วากาติปูมาจากภาษาเมารี ‘Whakatipu’ แปลว่า ‘โพรงยักษ์’ เป็นไปตามตำนานแบบย่อๆ ว่า ลูกสาวของหัวหน้าเผ่าเมารีนางหนึ่งถูกยักษ์นาม มาเทา (Matau) จับไป ในขณะที่ยักษ์หลับ ชายที่เธอรักก็ได้เข้ามาช่วยและจัดการเผาร่างยักษ์เสีย จนหิมะทั้งหลายละลายหลอมรวมกลายเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่
โดยกินพื้นที่ไปถึงสามเมือง ตั้งแต่เมืองเกลนอร์ชีย์ (Glenorchy) ควีนส์ทาวน์และคิงส์ตัน (Kingston) ตำนานนี้ยิ่งดูเป็นจริงเป็นจังมากขึ้นไปอีก เมื่อน้ำในทะเลสาบสูงขึ้นและลดลงได้ถึง 5 นิ้ว ตามจังหวะกายหายใจของเจ้ายักษ์มาเทา (แต่จริงๆ แล้วเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของความดันบรรยากาศ) ชวนสูดอากาศสดชื่นริมทะเลสาบสีเขียวมรกต นั่งปิกนิกแล้วค่อยๆ สังเกตการขึ้นลงของระดับน้ำที่เต้นไปตามหัวใจของเจ้ายักษ์ใหญ่ผู้กุมความลับใต้ทะเลสาบลึก
3.ทะเลสาบวานาก้า (Lake wanaka)
ทะเลสาบวานากาตั้งอยู่ใต้ภูเขาที่สูงตระหง่านที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งบนเกาะทางตอนใต้ทะเลสาบวานากายังคงสร้างความประหลาดใจให้กับมวลชนด้วยน้ำน้ำแข็งที่ส่องประกายระยิบระยับและเมืองเล็ก ๆ ที่มีชื่อว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาทะเลสาบอันงดงามได้กลายเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับผู้รักธรรมชาติและนักเดินทางที่รักการผจญภัยจากทั่วทุกมุมโลก
ด้วยพื้นที่ที่น่าประทับใจ 192 ตารางกิโลเมตร (74 ตารางไมล์) และความลึกโดยประมาณกว่า 300 เมตร (980 ฟุต) ทะเลสาบวานาก้าเป็นทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับสี่ของนิวซีแลนด์
วานากามีชื่อเสียงในฐานะที่เป็นประตูสู่อุทยานแห่งชาติ Mt Aspiring และล้อมรอบด้วย Lake Hawea ไปทางทิศตะวันตก (หนึ่งในจุดแวะชมสุดท้ายใน Central Otago ก่อนที่คุณจะเดินทางสู่ภูมิภาคธารน้ำแข็งชายฝั่งตะวันตก) และหุบเขา Cardrona อันเก่าแก่ทางทิศใต้ นอกจากนี้ Queenstown ยังใช้เวลาขับรถภายในหนึ่งชั่วโมง
ทะเลสาบและเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขารูปตัวยูที่เกิดจากการกัดเซาะของธารน้ำแข็งเมื่อ 10, 000 ปีก่อนในช่วงยุคน้ำแข็งสุดท้าย นอกจากจะเป็นแหล่งกำเนิดของแม่น้ำ Clutha แล้วทะเลสาบ Wanaka ยังได้รับอาหารจากแม่น้ำ Matukituki และ Makarora และล้อมรอบด้วยเกาะเล็ก ๆ หลายแห่ง Te Peka Karara (หรือที่รู้จักกันในเกาะสตีเวนสัน), หมูวาโฮ, หมูตะปูและเกาะรูบีเป็นเกาะที่มีความสำคัญที่สุดเพราะเป็นแหล่งอนุรักษ์ระบบนิเวศสำหรับพืชพื้นเมืองและนกชนิดหนึ่งที่รู้จักกันในชื่อ weka buff
ในยุคปัจจุบันวานากาได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางของรีสอร์ทยอดนิยมสำหรับผู้แสวงหาความตื่นเต้นโดยเฉพาะนักเล่นสกีและผู้ชื่นชอบกีฬาทางน้ำ ด้วย Cardrona และ Treble Cone ซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าวทำให้บริเวณนี้ดึงดูดหิมะจากทั่วทุกมุมโลกในฤดูหนาว การตกปลาเดินป่าพายเรือแคนูพายเรือคายัคและเรือเจ็ทเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในช่วงฤดูร้อน โดยธรรมชาติแล้วทะเลสาบวานากาที่อยู่ใกล้กับควีนส์ทาวน์ก็มีส่วนทำให้จำนวนผู้มาเยี่ยมเยือน