จิ้งจอกอาร์กติก, จิ้งจอกขั้วโลก หรือ จิ้งจอกหิมะ (อังกฤษ: Arctic fox, Snowy fox, Polar fox เป็นหมาจิ้งจอกขนาดเล็ก อาศัยอยู่ทั่วไปในเขตชายผั่งมหาสมุทรอาร์กติก ตลอดจนเขตทุนดราที่เต็มไปด้วยหิมะและน้ำแข็ง จัดเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมอีกชนิดหนึ่ง ที่มีขนสีขาวเพื่อให้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อม ช่วยให้ล่าเหยื่อได้ง่าย และสามารถพรางตัวจากศัตรูได้ด้วย


ลักษณะภายนอก


จิ้งจอกอาร์กติกจัดว่าเป็นสัตว์ที่สามารถปรับสภาพให้ดำรงอยู่ในสภาพอากาศที่หนาวจัดได้ดีชนิดหนึ่ง มีระบบการปรับอุณหภูมิ ที่สามารถควบคุมความร้อนในร่างกายได้ หมาจิ้งจอกอาร์กติกจะมีใบหน้าที่สั้นกว่าหมาจิ้งจอกชนิดอื่น และมีใบหูที่เล็ก ขนของมันฟูหนา เพื่อป้องกันการสูญเสียความร้อน มันจะมีขนอยู่บริเวณอุ้งเท้าเพื่อช่วยให้เดิน และวิ่งบนพื้นน้ำแข็งได้



ในช่วงที่หิมะตกหนัก หรือเกิดพายุ หมาจิ้งจอกอาร์กติกจะขุดโพรงลึกลงไปใต้หิมะ และขดตัวนอนโดยใช้หางของมันตวัดมาปิดตัวและหน้าไว้คล้ายคนห่มผ้าห่ม และเมื่อฤดูหนาวหมดลง หิมะเริ่มละลาย ต้นไม้เริ่มผลิใบอ่อน หมาจิ้งจอกอาร์กติกเองก็มีการเปลี่ยนแปลง ขนสีขาวของมันจะร่วงลง และมีขนสีเทาอมน้ำตาลขึ้นแทนและจะสั้นกว่าขนในฤดูหนาว ทำให้ตัวมันดูเล็กลง และมีขนาดเท่าแมวบ้านเท่านั้น



ในขั้วโลกเหนือฤดูร้อนนั้นสั้นมาก และเมื่อฤดูหนาวกลับมา จิ้งจอกขั้วโลกก็จะเปลี่ยนสีขนกลับไปเป็นขนสีขาวอีกครั้ง เป็นการบอกให้รู้ว่า การต่อสู้กับความหนาวเย็นกำลังจะเริ่มต้นอีกครั้ง


การออกลูก


ในฤดูใบไม้ผลิ ช่วงต้นเดือนกันยายนจนถึงพฤษภาคม ใช้เวลาตั้งครรภ์ประมาณ 52 วัน แม่จิ้งจอกจะให้กำเนิดลูก โดยครอกหนึ่งจะมีประมาณ 6 – 7 ตัว ลูกหมาจะเติบโตอย่างรวดเร็วเพื่อให้ทันก่อนฤดูหนาวจะมาถึง ในช่วงเวลานี้พวกมันจะกินอาหารเป็นจำนวนมาก เพื่อเตรียมรับมือกับฤดูหนาวที่จะมาถึง จิ้งจอกขั้วโลกจะเก็บอาหารไว้สำหรับฤดูหนาว เช่น ฝังซากนกเลมมิ่งไว้ใต้หิมะ เก็บไข่ไว้ในโพรงหิน จิ้งจอกบางตัวจะเก็บนกเล็ก ๆ ไว้ถึง 27 ตัว และไข่อีก 40 ฟอง สำหรับฤดูหนาว ลูกสุนัขอาจจะยังอาศัยอยู่กะพ่อแม่ในช่วงแรกจนขนบริเวณอุ้งเท้ามันหนาขึ้นเพื่อช่วยให้เดิน และวิ่งบนพื้นน้ำแข็งได้ในช่วงที่หิมะตกหนัก



การล่าเหยื่อ


ในช่วงที่อากาศดี จิ้งจอกขั้วโลกจะออกมาหาอาหาร ตามปกติมันจะล่าสัตว์เล็ก ๆ เช่น นกเลมมิ่ง, นกกระทาขั้วโลก บางครั้งถ้าโชคดี ก็จะเจอซากสัตว์ที่หมีขั้วโลกกินเหลือทิ้งไว้


นักขุดโพรงโบราณ


สุนัขจิ้งจอกอาร์กติกนั้นอาศัยอยู่ในโพรงทรายที่บรืเวณสันเขา ซึ่งโพรงเหล่านี้ถูกใช้มาผ่านรุ่นต่อรุ่นที่ Anders Angerbjörn นักวิจัยแห่ง Stockholm University คากว่าน่าจะมีมากว่า 8,000 แล้ว โพรงเหล่านี้มีทางออกมากกว่า 100 ทาง เป็นเสมือนเมืองโบราณที่สรางจากสิ่งมีชีวิตเล็กๆ



เมื่อถึงฤดูผสมพันธ์ ซึ่งปรกติจะประมาณทุกๆ 3-4 ปี ซึ่งแน่นอนว่าช่วงนั้นจะเป็นช่วงที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยแหล่งอาหารอย่างหนูเล็มมิ่ง ในช่วงฤดูใบไม้ผลินี้ จะมีช่วงระยะเวลาตั้งแต่ต้นเดือนกันยายนจนถึงพฤษภาคม จะมีการกำเนิดของลูกหมาจิ้งจอกตัวน้อยๆ สุนัขจิ้งจอกอาร์กติกตัวเมียสามารถมีลูกได้ครอกหนึ่งได้มากถึง 18 ตัว (กว่า 90% จะไม่รอดในฤดูหนาวแรก) โดยทั้งพ่อและแม่สุนัขจิ้งจอกอาร์กติกจะช่วยกันเลี้ยงลูกน้อยในโพรงด้วยกัน



ครอบครัวนี้จะเลี้ยงลูกน้อยจนถึงช่วงเดือนสิงหาคม โดยช่วงแรกลูกหมาจิ้งจอกจะอาศัยอยู่กับพ่อแม่จนกระทั่งขนบริเวณอุ้งเท้าหนาพอจะออกไปเดินและวิ่งบนพื้นน้ำแข็งได้ จิ้งจอกอาร์กติกจะเก็บอาหารไว้สำหรับฤดูหนาว เช่น ฝังซากหนูเลมมิ่งไว้ใต้หิมะ บางตัวจะเก็บนกเล็ก ๆ ไว้ พวกมันจะเติบโตอย่างรวดเร็ว และกินอาหารสะสมเป็นจำนวนมาก เพื่อที่จะให้ลูกสุนัขจิ้งจอกอาร์กติกโตพอที่จะเพชิญอากาศหนาวเย็นต่อไป



และเมื่อฤดูหนาวหมดลง ขนขาวๆจะหลุดและขนสีเทาอมน้ำตาลจะขึ้นมาแทนที่ ทำให้มันดูตัวเล็กลง และเมื่อฤดูหนาวกลับมาอีกครั้ง ก็ถึงเวลาต่อสู้กับสภาพอากาศที่โหดร้าย ขนสีเทาอมน้ำตาลจะกลับมาเป็นขนหนานุ่มสีขาวอีกครั้ง