ทุเรียน (Durian) เป็นไม้ผลในวงศ์ฝ้าย (Malvaceae) ที่อยู่ในสกุลทุเรียน (Durio)


ผลของทุเรียนมีเปลือกนอกที่เต็มไปด้วยหนามแหลมคม ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ โดย "ดูริ (Duri)" แปลว่าหนาม ทุเรียนถือเป็นไม้ที่มีลำต้นสูงใหญ่ เปลือกไม้ค่อนข้างหยาบ และเนื้อไม้สีแดงเข้ม


โดยมีแหล่งกำเนิดมาจากเกาะบอร์เนียว หรือเกาะสุมาตรา และปัจจุบันการปลูกทุเรียนมีกระจายในทุกประเทศกลุ่มอาเซียน รวมทั้งศรีลังกาด้วย ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะไม่ใช่แหล่งกำเนิดของทุเรียนโดยแท้ แต่ชื่อเสียงทุเรียนไทยนั้นแพร่หลายไปทั่วเอเซีย และจังหวัดจันทบุรี จังหวัดชุมพร และจังหวัดระยอง ถือเป็นแหล่งที่มีพื้นที่ปลูกทุเรียนสูงสุด


ทุเรียนนั้นโด่งดังในเรื่องของกลิ่น ถือเป็นผลไม้ที่มีกลิ่นค่อนข้างเฉพาะตัว กลิ่นนี้เกิดจากส่วนผสมของสารระเหย ที่ประกอบไปด้วยเอสเทอร์ สารประกอบกำมะถัน และคีโตน ในคนที่ชอบทานทุเรียน มักจะบอกว่าทุเรียนมีกลิ่นหอม ในขณะที่คนที่ไม่ชอบทาน อาจจะบอกว่าทุเรียนนั้นมีกลิ่นเหม็นที่รุนแรงจนถึงขั้นสะอิดสะเอียน หรือทำให้เวียนหัว ก่อให้มีการห้ามนำทุเรียนเข้ามาในสถานที่สาธารณะบางแห่ง เช่น โรงแรม สนามบิน หรือการขนส่งสาธารณะ (แท็กซี่ รถไฟ) อีกทั้งทุเรียนนั้นเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง ที่อุดมไปด้วยกำมะถันและไขมัน ผู้ที่เป็นเบาหวานจึงควรบริโภคแต่น้อย หรือระวังในการบริโภค


ทุเรียนถือเป็นผลไม้ที่มีมูลค่าการส่งออกนำหน้าผลไม้ชนิดอื่นๆ โดยมีตลาดรองรับทั้งในและต่างประเทศ และมี 4 พันธุ์ทุเรียนไทยหลักๆ ที่คุณมักรู้จักคุ้นเคย


1. ทุเรียนพันธุ์ก้านยาว


มีแหล่งปลูกหลักอยู่ในจังหวัดนนทบุรี ลักษณะตามชื่อ คือมีก้านใหญ่และยาวกว่าพันธุ์อื่น ๆ หนักประมาณ 2-3 กิโลกรัม หนามค่อนข้างเล็ก สั้นและถี่ เนื้อภายในสีเหลืองทอง เนื้อสัมผัสนุ่มเนียน รสชาติค่อนข้างหวานมัน แต่ราคาค่อนข้างแพง เพราะปัจจุบันนี้หากินได้ยาก มีสวนที่ปลูกทุเรียนพันธุ์ก้านยาวน้อย โดยราคาเฉลี่ยต่อลูกอาจสูงถึงประมาณ 5,000-15,000 บาท


2. ทุเรียนพันธุ์ชะนี เป็นทุเรียนที่มีน้ำหนักปานกลาง เนื้อของทุเรียนค่อนข้างละเอียด และเนียนเป็นครีม รสชาติออกหวานแหลม เหมาะสำหรับการบริโภคภายในประเทศและการส่งออก อีกทั้งยังนิยมนำมาแปรรูปเป็นอาหาร หรือขนมหวาน เช่น ไอศกรีมรสทุเรียน น้ำทุเรียนปั่น และข้าวเหนียวทุเรียน


3. ทุเรียนพันธุ์หลงลับแล


ต้นกำเนิดของชื่อพันธุ์นี้นั้นมาจากอำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ลักษณะของผลค่อนข้างเล็กน่ารัก ทรงกลมรี น้ำหนักประมาณ 1-3 กิโลกรัม มีหนามโค้งแหลมคม สีของเนื้อทุเรียนพันธุ์หลงลับแลจะอ่อนกว่าพันธุ์หลินลับแล เนื้อด้านในเหนียวเนียนและละเอียด เม็ดค่อนข้างเล็ก รสชาติออกไปทางหวานจัด และมีกลิ่นหอมคล้ายดอกไม้ ราคาค่อนข้างสูงโดยอยู่ที่ 250-500 บาทต่อกิโลกรัม เพราะต้องปลูกบนเขา ทำให้ลำบากต่อการดูแล รดน้ำและขนส่ง


และสายพันธุ์ที่เป็นที่นิยมที่สุด ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ และหาทานได้ง่ายที่สุด คือ พันธุ์หมอนทอง


4. ทุเรียนพันธุ์หมอนทอง


ทุเรียนพันธุ์หมอนทองเป็นพันธุ์ยอดนิยมที่สุด เพราะหาซื้อได้ง่าย ราคาไม่สูงมาก และมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ กลิ่นไม่แรงมาก ผลค่อนข้างใหญ่ น้ำหนักต่อลูกประมาณ 3-4 กิโลกรัม เนื้อด้านในสีเหลืองนวล เนื้อสัมผัสนุ่มละเอียด ไม่เละติดมือ รสชาติไม่หวานมาก ราคาต่อกิโลกรัมอยู่ที่ประมาณ 90-130 บาท


การกินทุเรียนควรกินในช่วงเวลาอาหารว่าง ไม่ควรแทนอาหารมื้อหลัก เพราะทุเรียนมีน้ำตาลสูง คนที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือด ควรกินแต่พอดี หรือควรรับประทานแต่น้อย และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และเนื่องจากทุเรียนมีฤทธิ์ร้อน จึงไม่ควรรับประทานคู่กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพราะทั้งคู่ต่างก็มีฤทธิ์ร้อน เมื่อทานคู่กันจะทำให้ความร้อนในร่างกายสูงมากกว่าปกติ อาจเกิดอาการไม่สบายตัว หรือถึงขั้นหายใจไม่ออก และเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้