ถ้าหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่เจ๋งๆในโลกนี้ที่เขานิยมไปขึ้นบอลลูนกัน ก็จะพบว่ามีเมืองยอดฮิตหลายที่อยู่เหมือนกัน เมืองที่ทุกคนลงความเห็นว่าเป็นอันดับหนึ่งของโลกในการขึ้นบอลลูนนั้นต้องยกให้เมือง Cappadocia ประเทศตุรกี
มีคนเคยบอกไว้ว่า “การมาขึ้นบอลลูนที่เมืองคัปปาโดเกียเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก เพราะมาแล้วอาจจะไม่ได้ขึ้น ต้องเช็กสภาพอากาศแบบวันต่อวัน” และหลายต่อหลายครั้งที่นักเดินทางทั่วโลกเมื่อเดินทางมาแล้วต้องพลาดชมความสวยงามแบบพาโนรามาบนบอลลูน
เมืองคัปปาโดเกีย (CAPPADOCIA) เป็นบริเวณที่อยู่ระหว่าง ทะเลดํา กับ ภูเขาเทารุส มีความสําคัญมาแต่โบราณกาล เพราะเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหม เส้นทางค้าขายแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่ทอดยาวจากตุรกีไปจนถึงประเทศจีน
โดยชื่อ คัปปาโดเกีย (CAPPADOCIA) เป็นชื่อเก่าแก่ภาษาฮิตไตต์ (ชนเผ่ารุ่นแรกๆที่อาศัยอยู่ในดินแดนแถบนี้) แปลว่า “ดินแดนม้าพันธุ์ดี” และในปัจจุบันนี้ก็ยังเลี้ยงม้ากันอยู่บริเวณนี้ อีกทั้งยังมีเมืองใต้ดินที่ซ่อนอยู่ใต้เมืองคัปปาโดเกีย ถือเป็นเมืองใต้ดินโบราณที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็ว่าได้ เพราะที่เมืองใต้ดินแห่งนี้ขุดลึกลงไปถึง 10 ชั้น ประมาณ 90 เมตร และภายในเมืองใต้ดินยังแบ่งซอยเป็นห้องย่อย เฉพาะที่เมืองคัปปาโดเกียมีเมืองใต้ดินมากถึง 15 แห่งและถ้ารวมทั้งเมืองอื่นๆด้วยก็เกือบๆ 200 แห่งเลยทีเดียวยังมีการขุดเชื่อมกันระหว่างแต่ละเมืองอีกด้วย ด้วยความอัศจรรย์ใต้พิภพแห่งนี้ ทางองค์กรยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนเมืองใต้ดินแห่งเมืองคัปปาโดเจียเป็นสถานที่มรดกโลกอีกด้วย
ส่วนการขึ้นบอลลูนนั้นต้องเริ่มตั้งแต่การตื่นแต่เช้ามืดประมาณตีสี่ครึ่ง เพื่อเตรียมตัวออกเดินทางก่อนที่พระอาทิตย์จะขึ้น เราจะสามารถเห็นผู้คนท้องถิ่นต่างวุ่นวายกับการเตรียมบอลลูน โดยนำอุปกรณ์มากางออก จัดวางกระเช้าและเริ่มจุดไฟจากก๊าซเพื่อส่งอากาศร้อนเข้าไปในบอลลูนทำให้บอลลูนพองและค่อยๆลอยขึ้น การจุดไฟบอลลูนแต่ละลูกมีสีสันสดใสสวยงาม เวลาที่นักบินเปิดไฟเพื่อเติมอากาศร้อนเข้าไปในบอลลูน จะมีลักษณะเหมือนกับมีใครเปิดโคมไฟสีสันลวดลายต่างๆสลับกันไปมาไกลใกล้เรียงรายไปรอบตัวจะต่างกับโคมไฟก็ตรงที่ว่าโคมไฟนี้มีขนาดใหญ่มากๆ
การได้เห็นบอลลูนของจริงตรงหน้านั้นทำให้เราได้เห็นความยิ่งใหญ่ที่แท้จริง แบบที่ไม่เคยคิดว่าบอลลูนของจริงจะใหญ่ขนาดนี้ หลังจากที่บอลลูนพองเต็มที่ผู้โดยสารก็เริ่มทยอยปีนเข้าไปอยู่ในกระเช้าโดยสารของบอลลูน บอลลูนหนึ่งลูกจะมีตะกร้าแบ่งเป็นสองด้านบรรทุกผู้โดยสารได้ทั้งหมดประมาณ 20 คน โดยมีนักบิน 1 คนอยู่ตรงกลางทำหน้าที่บังคับบอลลูนอยู่ในสัดส่วนที่แยกไว้เฉพาะเพื่อความคล่องตัวในการบังคับ
หลังจากผู้โดยสารขึ้นมาในตะกร้าจนครบแล้ว นักบินก็จะทำการสอนท่าที่ถูกต้องเวลาที่บอลลูนลงจอด เพื่อรับมือในกรณีที่อาจจะเกิดแรงกระแทกจากการลงจอดบอลลูนได้ ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารทุกคน บอลลูนหลากสีนับร้อยลูกทยอยลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างพร้อมเพรียงกัน โดยมีภูเขาหินปลายแหลมที่เรียกว่า Fairy Chimneys อันเป็นเอกลักษณ์พิเศษของเมือง Cappadocia และท้องฟ้าสีชมพูอมทองเป็นฉากหลัง เป็นภาพที่น่าประทับใจสมกับที่ถูกยกให้เป็นเมืองหลวงของการขึ้นบอลลูนจริงๆ