ราวทศวรรษที่ผ่านมา เพนกวินจักรพรรดิ (Emperor Penguins) สัตว์โลกแสนน่ารักในทวีปแอนตาร์กติกา เคยอยู่ในกระแสความสนใจจากผู้คนทั่วโลก เมื่อสื่อบันเทิงอย่างภาพยนตร์ช่วยปลุกกระแสให้คนอยากรู้จักมากขึ้น เริ่มตั้งแต่ภาพยนตร์สารคดีจากฝรั่งเศสเรื่อง March of the Penguins ซึ่งได้ทีมงานจาก National Geographic มาดูแลการผลิตและสามารถคว้าออสการ์ภาพยนตร์สารคดียอดเยี่ยมในปี 2006 ไปได้


จากนั้นภาพยนตร์แอนิเมชั่นจากออสเตรเลีย เรื่อง Happy Feet ที่ว่าด้วยการผจญภัยของลูกเพนกวิน จักรพรรดิ และผสมผสานเรื่องการโดนมนุษย์คุกคามธรรมชาติก็สานต่อความสำเร็จ เป็นภาพยนตร์ว่าด้วยเพนกวินที่สามารถคว้าภาพยนตร์แอนิเมชั่นยอดเยี่ยมได้อีกในปีถัดมา


เพนกวินจักรพรรดิ ถือเป็นสัตว์ประจำถิ่นของทวีปแอนตาร์ติกาในซีกโลกใต้ พวกมันเป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาสปีชีส์เพนกวินทั้งหมด ตัวเต็มวัยนั้นสูงราว 110-120 เซนติเมตร และหนักสุดได้ถึง 45 กิโลกรัม เอกลักษณ์ของมันคือขนสีดำขลับด้านหลังปีกมาจนถึงบริเวณใบหน้า โดยมีส่วนท้องด้านหน้าลงไปถึงเท้าเป็นสีขาวและมีสีเหลืองอ่อนๆรอบคอ หากเป็นเจ้าลูกเพนกวินตัวน้อย มันมีขนสีเทา-เงินฟูๆดูปุกปุยน่ารักน่าชัง จนเมื่อผลัดเป็นขนสีขาวเมื่อไหร่ถึงจะเป็นสัญญาณการเติบโตที่พร้อมจะออกไปหากินได้เอง


แม้เพนกวินจักรพรรดิจะแตกต่างจากเพนกวินชนิดอื่นตรงที่พวกมันไม่ได้มีรักมั่นนิรันดรและพร้อมแต่งแล้วหย่าแล้วแต่งใหม่ทุกฤดูผสมพันธุ์ แต่เมื่อสร้างครอบครัวแล้วคู่รักเฉพาะกิจนี้ก็ซื่อสัตย์ต่อคู่ของตน และทำหน้าที่ในครอบครัวได้ดีมาก พวกมันเป็นตัวอย่างของพ่อและแม่ที่เสียสละและอดทน แม้มีภารกิจให้ต้องแว้บไปแว้บมาไม่ค่อยอยู่พร้อมหน้า แต่ทั้งสองก็ผลัดกันดูแลลูกเป็นอย่างดีและไม่เคยทอดทิ้ง แม้สรีระจะไม่เอื้ออำนวยให้มีอ้อมกอดที่อบอุ่น แต่พ่อแม่นกเพนกวินจักรพรรดิก็มี “หว่างขาอันอบอุ่น” ปกป้องคุ้มภัยให้ลูกเสมอ


แน่นอนว่า มนุษย์เราคงไม่สามารถจำแนกหรือจดจำความต่างของเพนกวินแต่ละตัวได้เลย เพราะมันแทบจะเหมือนกันไปหมดทั้งฝูง แต่ธรรมชาติก็สร้างสรรค์ความมหัศจรรย์ไว้ให้กับสัตว์สายพันธุ์นี้ นั่นคือ เสียงร้องของเพนกวินจักรพรรดิ มีการใช้ย่านความถี่ของเสียง 2 ย่าน เพื่อแยกแยะความแตกต่างระหว่างเพนกวินแต่ละตัวและจดจำผ่านเสียงอันเป็นเอกลักษณ์


แม้ว่าปัจจุบันเพนกวินสายพันธุ์นี้ยังไม่ถึงกับเป็นสัตว์ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ และมันก็ไม่ใช่เป้าหมายที่ถูกคุกคามจากมนุษย์หรือสัตว์อื่นๆนัก แต่สิ่งที่กระทบต่อชีวิตของฝูงเพนกวินโดยตรง คือ ภาวะโลกร้อน ที่ทำให้ปริมาณของเพนกวินลดลงอย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน เนื่องจากอากาศแปรปรวนย่อมส่งผลต่อการผสมพันธุ์


วงจรชีวิตเพนกวินจักรพรรดิจะอาศัยอยู่บนพื้นที่น้ำแข็งเพื่อวางไข่และฟักลูกน้อย ซึ่งถ้าแผ่นน้ำแข็งละลายเร็วเกินไปจะทำให้ลูกเพนกวินจมน้ำตายเพราะขนงอกไม่ทัน โดยฤดูน้ำแข็งต้องยาวนานอย่างน้อย 8-9 เดือน โดยก่อนหน้านี้คาดการณ์ว่าถ้าสถานการณ์โลกร้อนดำเนินต่อไปตามปกติอาจทำให้จำนวนเพนกวินจักรพรรดิลดลงมากกว่าครึ่งหนึ่งภายในปี 2100 หรือ พ.ศ.2643.