โพรเทียที่รู้จักกันมากที่สุด คือ King Protea ซึ่งมีมากมายหลาย varieties เหลือเกิน ชื่ออื่นๆของเค้าก็มี Giant Protea หรือจะเป็น Honeypot แล้วก็ King Sugar Bush ดอกใหญ่ๆอลังการที่เห็นกันอยู่นี้แท้จริงแล้วเป็นช่อกระจุกแน่น คือมีดอกเล็กๆอยู่กันอย่างเบียดเสียดบนช่อเดียวกัน (อารมณ์เดียวกับดอกทานตะวัน) แล้วกลีบสีสวยๆรอบๆนั่นก็ไม่ใช่กลีบดอกแต่อย่างใดเป็นเพียงใบประดับเท่านั้น
King Protea เป็นดอกไม้ประจำชาติของประเทศสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ คำว่า Protea มาจากชื่อของเทพเจ้ากรีก Proteus ผู้ที่สามารถเปลี่ยนรูปร่างเป็นโน่นเป็นนี่ได้มากมาย ที่ตั้งชื่อนี้ก็เพราะว่ารูปดอกของสกุลนี้มีความหลากหลายสูงมากนั่นเอง
คิง โพรเทีย ดอกไม้ดอกนี้ไม่ธรรมดา บ้านเรามีปลูกที่จังหวัดเลยและอีกหลายๆที่เป็นไม้พุ่มทรงสูง และเป็นไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศที่มีทะเลล้อมรอบ เช่น ออสเตรเลีย แอฟริกาใต้และแถบอเมริกาใต้ แถมเป็นต้นไม้โบราณมีกำเนิดมา 125 ล้านปีมาแล้ว จากการคำนวณในซากของ fossil ที่พบไม้สกุล Proteaceae มีประมาณ 1,700 ชนิด บางชนิดที่มีขนาดใหญ่มากๆมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 ฟุตเลยทีเดียว
การปลูกดอกไม้นี้ คือ อากาศต้องแห้งบวกเย็นนิดๆ ดินต้องระบายน้ำดีมากแถมต้องเป็นกรด ดินห้ามมีฟอสฟอรัสเยอะแล้วก็ห้ามมีโปแตสเซียมน้อย โพรเทียมีระบบดูดซับความชื้นผ่านทางใบด้วย เพราะถิ่นกำเนิดฝนตกน้อยมาก จะได้น้ำก็ได้แต่ไอหมอกจากทะเลกับน้ำที่ซึมใต้ดินเท่านั้น
โพรเทียหลายๆชนิดยังถูกจับมาทำดอกไม้แห้งอีกด้วย การทำให้แห้งก็มีอยู่หลายวิธี ที่นิยมกันก็คือจับดอกที่ตัดมาห้อยลง ผึ่งไว้ที่ที่มืด แห้ง และลมโกรกประมาณสองอาทิตย์ แช่สารละลายกลีเซอรีน แล้วค่อยมาห้อยอย่างที่ว่าไว้ หรือรมควันด้วยกำมะถันก่อน แล้วค่อยมาห้อยไว้เช่นเดียวกันวิธีนี้จะทำให้สียังคงสดใสอยู่มากที่สุด
ดอกโพรเทีย เหมาะที่จะจัดเป็นช่อดอกไม้มอบให้คนที่คุณรัก เพราะดอกบานทนนานเป็นเดือน เมื่อแห้งแล้วยังอยู่ทรงเก็บไว้เป็นดอกไม้แห้ง ทรงรูปสวยเหมือนเดิมด้วย