ต้นแอสเตอร์ เป็นพืชวงศ์เดียวกันกับต้นทานตะวัน พบว่าเป็นพันธุ์ไม้ดอกพื้นเมืองของญี่ปุ่นและจีน แต่ชาวยุโรปจะกันเรียกว่า “สตาร์เวิร์ท แอสเตอร์” เป็นไม้ดอกสีสันสดสวยที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ด้วยความสวยงามและความหมายดีๆจึงทำให้ต้นแอสเตอร์เป็นที่ถูกอกถูกใจของใครหลายๆคนได้ไม่ยาก


ต้นแอสเตอร์ เป็นไม้ดอกที่มีหลากหลายสีสัน ซึ่งแต่ละสีสันล้วนมีความสวยงามโดดเด่นทั้งสิ้น นิยมปลูกเพื่อใช้ประดับให้ความสวยงาม นำไปจัดใส่แจกันและการนำไปจัดเป็นช่อมอบให้กันในโอกาสต่างๆ โดยความหมายของดอกแอสเตอร์ คือ แทนความห่วงใย ความมุ่งมั่น ความประณีต ใส่ใจ และความพิถีพิถัน ให้ความรู้สึกว่ามีความหลงใหล ห่วงใย และใส่ใจในตัวบุคคลที่เรามอบให้ แต่ในส่วนของคนจีนให้ความหมายว่า ความซื่อสัตย์และความจงรักภักดี อีกทั้งดอกแอสเตอร์ยังเป็นดอกไม้ประจำเดือนเดือนเกิดของคนที่เกิดเดือนกันยายนอีกด้วย


ต้นแอสเตอร์จัดเป็นพรรณไม้ล้มลุกที่มีอายุเพียงหนึ่งปี มีรากเป็นระบบรากแก้ว ลำต้นแตกกิ่งก้านสาขามากมาย การขยายพันธุ์แอสเตอร์ทำได้ 3 วิธี คือ การเพาะเมล็ด การแยกหน่อ และการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ แต่การเพาะเมล็ดจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด ต้นแอสเตอร์จะเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนซุยที่มีอินทรียวัตถุสูง ระบายน้ำได้ดี ชอบความชื้นปานกลางและแสงแดดจัด หลังจากการย้ายปลูกลงในกระถางหรือแปลงปลูกแล้วควรรดน้ำให้โชก ถ้าเป็นไปได้ควรรดน้ำเพียงวันละ 1 ครั้งในตอนเช้า เมื่อดอกแอสเตอร์เริ่มบานแล้ว การรดน้ำไม่ควรจะรดให้โดนดอกเพราะจะทำให้ดอกเน่าและเป็นโรคได้ง่าย


ดอกแอสเตอร์นิยมนำมาใช้ในการจัดแจกัน การตัดดอกจะทำเมื่อดอกเริ่มบาน โดยให้ดอกที่อยู่บนสุดบานได้เต็มที่และดอกอื่นๆเริ่มแย้มสี การเก็บเกี่ยวจะไม่ทำในช่วงที่มีอากาศร้อนของวัน หากต้องการส่งขายหรือมีการขนส่งในระยะไกล หลังจากตัดดอกแล้วก็ให้นำมาจุ่มในน้ำทันที ควรเก็บดอกที่ตัดไว้ในที่ร่มและเย็นเพื่อให้ดอกดูดสารเคมีไว้ในต้นให้ได้มากที่สุด โดยควรแช่ไว้ประมาณ 3-4 ชั่วโมง แล้วจึงนำไปเก็บไว้ในห้องเย็น จะทำให้ได้ดอกแอสเตอร์ที่มีคุณภาพดีได้


ในสมัยโบราณเชื่อว่า เมื่อนำดอกแอสเตอร์มาเผาไฟ กลิ่นของมันจะช่วยไล่งูได้ ส่วนในอังกฤษแอสเตอร์จะหมายถึง การเริ่มต้นวันเปิดเทอม ดอกแอสเตอร์จะบานเต็มที่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งเป็นการปิดฉากฤดูร้อนอันแสนสดใส แต่ก็เป็นการรอคอยฤดูใบไม้ผลิที่จะมาถึงภายหลังความหนาวเย็นในฤดูหนาวผ่านไปนั่นเอง