พระราชวังโปตาลา (Potala Palace) พระราชวังแห่งนี้สร้างขึ้นในรัชสมัยพระเจ้าซรอนซันกัมโป กษัตริย์องค์ที่ 32 แห่งราชวงศ์ถู่ฟานหรือปฐมกษัตริย์แห่งจักรวรรดิทิเบต ครั้งนั้นได้ชื่อ “พระราชวังแดง” ต่อมาราชวงศ์ถู่ฟานล่มสลาย พระราชวังถูกทิ้งร้างจวบจนรัชสมัยองค์ทะไลลามะที่ 5 (ค.ศ.1617-1682) ทรงให้บูรณะเพื่อใช้เป็นสถานที่ว่าราชการและที่ประทับแล้วเปลี่ยนคำเรียกเป็น “พระราชวังโปตาลา”


คำเรียกพระราชวังโปตาลา หมายรวมถึงหมู่สถาปัตยกรรมขนาดใหญ่โตโอฬารที่สร้างขึ้นตามลักษณะภูมิประเทศที่เป็นขุนเขากินเนื้อที่กว่า 360,000 ตารางเมตร เป็นอาคาร 13 ชั้น สูง 117 เมตร มีลักษณะเหมือนป้อมปราการแบบทิเบต เป็นการผสมผสานศิลปะทางสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมของทิเบต ฮั่น มองโกเลียและแมนจู อีกทั้งยังส่งอิทธิพลทางวัฒนธรรมหรือสถาปัตยกรรมไปยังประเทศรายรอบ เช่น อินเดีย เนปาล ภูฏาน และจีน


ส่วนประกอบหลักของพระราชวังโปตาลา


• ส่วนที่เด่นเป็นสง่าที่สุด คือหอสีแดงตรงกลางสูง 13 ชั้น เรียกว่า “หงกง” แปลว่า วังแดง มีความสูงถึง 117 เมตร นับเป็นส่วนที่สูงที่สุดของวังแห่งนี้ โดยเมื่อรวมความสูงของเมืองลาซาที่วัดจากระดับน้ำทะเล ซึ่งอยู่ที่ 3,650 เมตรแล้ว ยอดสูงสุดของวังโปตาลาจึงอยู่ที่ 3,770 เมตรจากระดับน้ำทะเล


• วังขาว หรือ ไป๋กง แปลว่า ใช้เป็นที่บริหารราชการแผ่นดินของทิเบต ทั้งยังใช้เป็นที่ประทับในฤดูหนาวขององค์ทาไลลามะตั้งแต่องค์ที่ 5 เป็นต้นมา


• อาคารสีเหลืองขนาดย่อมที่อยู่ระหว่างวังแดงและวังขาว เป็นที่เก็บผ้าทังก้าขนาดยักษ์ เพื่อใช้ในเทศกาลไซ่โฝ มีโรงพิมพ์ สวนและสนาม โดยทั้งหมดนี้ถูกล้อมรอบด้วยกำแพงลักษณะแบบกำแพงเมืองอีกชั้นหนึ่ง มีป้อมและประตูทางเข้าเป็นจุดๆ


พระราชวังโปตาลาได้รับการขนานนามว่า “ไข่มุกราตรีบนหลังคาโลก” เลื่องชื่อด้วยหมู่วัง ความอัศจรรย์ของงานวิศวกรรม การหลอมโลหะ ศิลปะจิตรกรรมและการแกะสลัก รวมเป็นกลุ่มโบราณสถานที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมเมื่อปี ค.ศ.1994


พระราชวังโปตาลามีระเบียงที่มีภาพเขียนสีเรียงซับซ้อน มีทั้งบันไดไม้บันไดหิน มีห้องที่ตกแต่งสวยงาม มีรูปเคารพเกือบสองแสนองค์ ปัจจุบันพระราชวังโปตาลากลายเป็นพิพิธภัณฑ์ ภายในวังขาวมีสำนักงาน โรงเรียน และที่นี่เองก็กลายเป็นศูนย์รวมใจของโปตาลาค่ะ


ถ้าเราได้มีโอกาสไปที่พระราชวังโปตาลานี้ จะได้พบกับคนทิเบตที่มุ่งมั่นกับการทำอัษฎางค์ประดิษฐ์อยู่ทุกหนแห่ง การกราบแบบอัษฎางคประดิษฐ์คือ การเดิน 3 ก้าว แล้วก้มลงกราบกับพื้นไหว้ทีหนึ่ง เป็นวิธีการของชาวธิเบตที่จะจารึกแสวงบุญอันยิ่งใหญ่ เป็นเรื่องที่สืบทอดกันมายาวนาน


หลังประกาศขึ้นทะเบียนพระราชวังโปตาลาเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรม เป็นเหตุสำคัญให้นักท่องเที่ยวจากทุกสารทิศทั่วโลก พากันหลั่งไหลมาเยือนกรุงลาซาของทิเบต เป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมทั้งประวัติศาสตร์และสิ่งล้ำค่าอันเป็นมรดกของชาวทิเบตไว้อย่างน่าทึ่ง หากจะชมวังโปตาลาให้ทั่วถึงจะต้องใช้เวลาประมาณ 2.30-3 ชั่วโมง


แต่การที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวมากอย่างล้นหลามในปัจจุบัน จึงอนุญาตให้ผู้ถือบัตรสามารถเดินชมภายในวังได้เพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น เนื่องจากมีผู้เข้าชมมากเกินไป จึงต้องระบายคนเข้าออกให้สัมพันธ์กัน และนักท่องเที่ยวควรเชื่อฟังเคารพกฎและปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด