อูฐ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีชื่อเสียงอันโด่งดัง ว่าเป็นสัตว์ที่เป็นพาหนะของคนในยุคก่อนๆ มีความอดทนมาก เพราะนอกจากจะอยู่กลางทะเลทรายที่แห้งแล้งและมีอากาศที่ร้อนระอุแล้ว ยังสามารถอดน้ำ อดอาหารได้เป็นอาทิตย์ๆเลยทีเดียว ดังนั้นเราจะมาไขความลับของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดนี้กัน ว่ามีความพิเศษอย่างไร


อูฐ เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อาศัยอยู่ในทะเลทราย อยู่ในตระกูลเดียวกันกับสัตว์กลุ่มลามะ และอัลปาก้า ถือกำเนิดขึ้นในคาบสมุทรอาหรับและแผ่ขยายไปถึงทวีปแอฟริกา ทวีปเอเชียใต้ และไปไกลถึงทะเลทรายในออสเตรเลีย และถือเป็นสัตว์ที่มีความผูกพันกับวัฒนธรรมอาหรับอย่างลึกซึ้ง เช่น งานแต่งงานและพิธีต่างๆ และทุกวันนี้ก็ยังได้รับความนิยมในหมู่ชาวอาหรับด้วย


อูฐ มีโครงสร้างทางร่างกายที่สามารถปรับตัวให้อยู่ในสภาพอากาศที่แห้งแล้งได้ รูปร่างความสูงของมันยาวถึง 2 เมตร มีคอและขาที่ยาว มีหนอกหรือส่วนที่อยู่บนหลัง มีขนตาที่ยาวเป็นพิเศษเพื่อป้องกันดวงตาจากฝุ่นและทราย ลำตัวยังปกคลุมไปด้วยขนหนานุ่มที่เอาไว้กันอากาศร้อนและความเย็นได้ มีจมูกที่สามารถอุดจมูกป้องกันทรายอีกด้วย


แม้ว่าจะไม่ได้กินอะไรมาหลายสัปดาห์ แต่มันกินอะไรเป็นอาหารกันแน่? ความจริงแล้ว อาหารของเจ้าสัตว์ชนิดนี้ ก็คือพืช เคี้ยวเอื้อง เช่นเดียวกันกับพวกแพะและวัว และกักเก็บอาหารของมันไว้ในโหนก ข้อดีของมันคือมีปากที่แข็งแรงมาก ทำให้สามารถกินกระบองเพชร ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางทะเลทรายได้โดยที่ไม่เจ็บตัว


หลายๆคนคงสงสัยและอยากรู้ว่าส่วนที่อยู่บนหลังของอูฐนั้นคืออะไร ส่วนที่อยู่บนหลัง ที่งอกออกมา 1 หรือ 2 หรือ 3 ส่วน เรียกว่า ‘โหนก’ เป็นอวัยวะสำคัญมากๆ ไว้คอยเก็บสะสมไขมัน กักเก็บน้ำและอาหาร เพื่อใช้เป็นพลังงานยามที่มันเดินทางไกล เมื่อเวลามันออกเดินทางและไม่มีอาหาร ส่วนของโหนกก็จะดึงพลังงานจากตรงนั้นออกมาใช้ ทำให้เจ้าสัตว์ชนิดนี้สามารถเดินทางและอดอาหารได้นานหลายวันนั่นเอง


ความสามารถของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดนี้ คือ สามารถเดินด้วยความเร็วปกติได้ถึง 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และสามารถวิ่งเร็วได้ถึง 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อีกหนึ่งความสามารถคือ มันสามารถแบกของหนักได้ถึง 200 กิโลกรัม และยังมีสัญชาตญาณเรื่องทิศทางที่ดีอีกด้วย เนื่องจากเป็นสัตว์ที่มีร่างกายที่แข็งแรงและปรับตัวใช้ชีวิตอยู่กลางสภาพแวดล้อมที่แห้งแล้งได้ดีแบบนี้เอง ทำให้มนุษย์นิยมเลี้ยงมันเพื่อเป็นพาหนะและขนสัมภาระสำหรับเดินทางไกล